ภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทย ประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2566

ภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทย ประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2566

avatar

Administrator


227


<p><strong>ภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทย ประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2566</strong></p>

<p><strong>เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2566 เวลา 10.00 น. นายสินิตย์&nbsp; เลิศไกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ แถลงข่าวภาวะการค้าระหว่างประเทศ&ndash;การค้าชายแดนและผ่านแดน เดือนกุมภาพันธ์ 2566 และ 2 เดือนแรกของปี 2566 พร้อมด้วย นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) ผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ ที่ห้องบุรฉัตรไชยากรชั้น 4 ตึกสำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์</strong></p>

<p><strong>&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp;&nbsp;การส่งออกของไทยในเดือนกุมภาพันธ์ 2566 มีมูลค่า 22,376.3 ล้านเหรียญสหรัฐ (730,123 ล้านบาท)</strong><strong>หดตัวร้อยละ 4.7 หักน้ำมัน&nbsp;</strong><strong>สินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ทองคำ และยุทธปัจจัย หดตัวเพียงร้อยละ 0.05</strong>&nbsp;เนื่องจากฐานที่สูงในปีก่อนหน้า และแรงกดดันจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว กระทบต่อความต้องการสินค้า โดยกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้ายังคงหดตัว รวมทั้งสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน (โดยเฉพาะเม็ดพลาสติก และเคมีภัณฑ์) และทองคำ มีการปรับลดลงจากปัจจัยราคาเป็นหลัก อย่างไรก็ดีการส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรกลับมาขยายตัวในรอบ 5 เดือน และสินค้าอุตสาหกรรมที่มีสัดส่วนต่อการส่งออกสูงยังคงขยายตัวได้ดี ได้แก่ รถยนต์และส่วนประกอบ อัญมณีและเครื่องประดับ (ไม่รวมทองคำ) และเครื่องปรับอากาศ แม้ว่าการส่งออกไปตลาดหลัก (ได้แก่ สหรัฐฯ จีน ญี่ปุ่น) ยังคงหดตัว แต่การส่งออกไปตลาดเป้าหมายที่กระทรวงพาณิชย์ให้ความสำคัญในปี 2566 เติบโตดี โดยเฉพาะตลาดตะวันออกกลาง และอินเดีย อีกทั้งการส่งออกไปฮ่องกงที่เป็นคู่ค้าอันดับ 4 ของไทย กลับมาขยายตัวในรอบ 10 เดือน ทั้งนี้&nbsp;<strong>การส่งออกไทย 2 เดือนแรก หดตัวร้อยละ</strong><strong>&nbsp;4.6 และเมื่อหักสินค้าเกี่ยวเนื่องกับ</strong><strong>น้ำมัน ทองคำ และยุทธปัจจัย หดตัวร้อยละ</strong>&nbsp;<strong>1.4</strong></p>

<p><strong>มูลค่าการค้ารวม</strong></p>

<ul>
	<li><strong>มูลค่าการค้าในรูปเงินดอลลาร์สหรัฐ&nbsp;</strong>เดือนกุมภาพันธ์ 2566<br />
	<strong>การส่งออก&nbsp;</strong>มีมูลค่า 22,376.3 ล้านเหรียญสหรัฐ หดตัวร้อยละ 4.7 เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน<br />
	<strong>การนำเข้า&nbsp;</strong>มีมูลค่า 23,489.7 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 1.1<br />
	<strong>ดุลการค้า&nbsp;</strong><u>ขาดดุล</u>&nbsp;1,113.4 ล้านเหรียญสหรัฐ

	<p><strong>ภาพรวม 2 เดือนแรกของปี 2566<br />
	การส่งออก</strong>&nbsp;มีมูลค่า 42,625.8 ล้านเหรียญสหรัฐ หดตัวร้อยละ 4.6 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน<br />
	<strong>การนำเข้า</strong>&nbsp;มีมูลค่า 48,388.8 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 3.3<br />
	<strong>ดุลการค้า 2 เดือนแรกของปี 2566&nbsp;</strong><u>ขาดดุล</u>&nbsp;5,763.1 ล้านเหรียญสหรัฐ</p>
	</li>
</ul>

<ul>
	<li><strong>มูลค่าการค้าในรูปเงินบาท&nbsp;</strong>เดือนกุมภาพันธ์ 2566<br />
	<strong>การส่งออก&nbsp;</strong>มีมูลค่า 730,123 ล้านบาท หดตัวร้อยละ 5.3 เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน<br />
	<strong>การนำเข้า&nbsp;</strong>มีมูลค่า 776,425 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 0.5<br />
	<strong>ดุลการค้า&nbsp;</strong><u>ขาดดุล</u>&nbsp;46,301 ล้านบาท

	<p><strong>ภาพรวม 2 เดือนแรกของปี 2566<br />
	การส่งออก</strong>&nbsp;มีมูลค่า 1,430,250 ล้านบาท หดตัวร้อยละ 3.2 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน<br />
	<strong>การนำเข้า</strong>&nbsp;มีมูลค่า 1,647,855 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 5.0<br />
	<strong>ดุลการค้า 2 เดือนแรกของปี 2566</strong>&nbsp;<u>ขาดดุล</u>&nbsp;217,605 ล้านบาท</p>
	</li>
</ul>

<p><strong>การส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร</strong></p>

<p><strong>&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; มูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร ขยายตัวร้อยละ 3.6 (YoY) กลับมาขยายตัวในรอบ 5 เดือน โดยเป็นการขยายตัวทั้งหมวดสินค้าเกษตร ขยายตัวร้อยละ 1.5 และหมวดสินค้าอุตสาหกรรมเกษตร ขยายตัวร้อยละ 5.6 สินค้าสำคัญที่<u>ขยายตัว</u>&nbsp;</strong>ได้แก่&nbsp;<strong>น้ำตาลทราย</strong>&nbsp;ขยายตัวร้อยละ 21.4 กลับมาขยายตัวในรอบ 3 เดือน (ขยายตัวในตลาดอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ กัมพูชา มาเลเซีย และลาว)&nbsp;<strong>ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง</strong>&nbsp;ขยายตัวร้อยละ 5.2 กลับมาขยายตัวในรอบ 3 เดือน (ขยายตัวในตลาดจีน ฟิลิปปินส์ อินเดีย เนเธอร์แลนด์ และลาว)&nbsp;<strong>ข้าว&nbsp;</strong>ขยายตัวร้อยละ 7.7 ขยายตัวต่อเนื่อง 2 เดือน (ขยายตัวในตลาดอิรัก อินโดนีเซีย เซเนกัล โมซัมบิก และแอฟริกาใต้)&nbsp;<strong>ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็ง และแห้ง</strong>&nbsp;ขยายตัวร้อยละ 95.0 ขยายตัวต่อเนื่อง 4 เดือน (ขยายตัวในตลาดจีน มาเลเซีย สหรัฐฯ ฮ่องกง และอินโดนีเซีย)&nbsp;<strong>ไขมันและน้ำมันจากพืชและสัตว์&nbsp;</strong>ขยายตัวร้อยละ 171.4 ขยายตัวต่อเนื่อง 3 เดือน (ขยายตัวในตลาดอินเดีย เมียนมา เคนยา เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น)&nbsp;<strong>ไก่สด แช่เย็น แช่แข็ง&nbsp;</strong>ขยายตัวร้อยละ 61.6 ขยายตัวต่อเนื่อง 9 เดือน (ขยายตัวในตลาดจีน ญี่ปุ่น มาเลเซีย เกาหลีใต้ และสิงคโปร์)</p>

<p><strong>&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp;&nbsp;</strong>ขณะที่<strong>สินค้าสำคัญที่<u>หดตัว</u>&nbsp;</strong>อาทิ&nbsp;<strong>ยางพารา</strong>&nbsp;หดตัวร้อยละ 34.0 หดตัวต่อเนื่อง 7 เดือน (หดตัวในตลาดจีน มาเลเซีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และตุรกี แต่ขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ อินเดีย ไต้หวัน โรมาเนีย และปากีสถาน)&nbsp;<strong>อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป</strong>&nbsp;หดตัวร้อยละ 9.1 หดตัวต่อเนื่อง 2 เดือน (หดตัวในตลาดสหรัฐฯ ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย แคนาดา และอียิปต์ แต่ขยายตัวในตลาดลิเบีย ซาอุดีอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อิสราเอล และเปรู)&nbsp;<strong>อาหารสัตว์เลี้ยง</strong>&nbsp;หดตัวร้อยละ 23.4 หดตัวต่อเนื่อง 4 เดือน (หดตัวในตลาดสหรัฐฯ มาเลเซีย อินเดีย เวียดนาม และอิตาลี แต่ขยายตัวในตลาดญี่ปุ่น ออสเตรเลีย ฟิลิปปินส์ กัมพูชา และเกาหลีใต้)&nbsp;<strong>ผลไม้กระป๋องและแปรรูป&nbsp;</strong>หดตัวร้อยละ 23.9 หดตัวต่อเนื่อง 5 เดือน (หดตัวในตลาดสหรัฐฯ ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย กัมพูชา และเนเธอร์แลนด์ แต่ขยายตัวในตลาดจีน ลาว สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เมียนมา และซาอุดีอาระเบีย) ทั้งนี้&nbsp;<strong>2 เดือนแรกของปี 2566 การส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร ขยายตัวร้อยละ 0.6</strong></p>

<p><strong>การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม</strong></p>

<p><strong>&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp;&nbsp;มูลค่าการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม หดตัวร้อยละ 6.2 (YoY) หดตัวต่อเนื่อง 5 เดือน แม้ว่าการส่งออก</strong><strong>ภาพรวมของหมวดจะหดตัว แต่ยังมีสินค้าสำคัญที่<u>ขยายตัว</u>&nbsp;</strong>อาทิ<strong>&nbsp;รถยนต์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ&nbsp;</strong>ขยายตัวร้อยละ 3.6 ขยายตัวต่อเนื่อง 2 เดือน (ขยายตัวในตลาดออสเตรเลีย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น และเวียดนาม)&nbsp;<strong>อัญมณีและเครื่องประดับ (ไม่รวมทองคำ)&nbsp;</strong>ขยายตัวร้อยละ 81.7 กลับมาขยายตัวในรอบ 3 เดือน (ขยายตัวในตลาดฮ่องกง สิงคโปร์ กาตาร์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และฝรั่งเศส)&nbsp;<strong>เครื่องยนต์สันดาปภายในแบบลูกสูบฯ</strong>&nbsp;ขยายตัวร้อยละ 22.2 กลับมาขยายตัวในรอบ 4 เดือน (ขยายตัวในตลาดฮ่องกง แอฟริกาใต้ อาร์เจนตินา จีน และฟิลิปปินส์)&nbsp;<strong>รถจักรยานยนต์และส่วนประกอบ</strong>&nbsp;ขยายตัวร้อยละ 15.7 ขยายตัวต่อเนื่อง 7 เดือน (ขยายตัวในตลาดญี่ปุ่น จีน ออสเตรเลีย เนเธอร์แลนด์ และฟิลิปปินส์)&nbsp;<strong>อุปกรณ์กึ่งตัวนำ ทรานซิสเตอร์ และไดโอด</strong>&nbsp;ขยายตัวร้อยละ 60.5 ขยายตัวต่อเนื่อง 8 เดือน (ขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ เวียดนาม อินเดีย แคนาดา และตุรกี)&nbsp;<strong>หม้อแปลงไฟฟ้าและส่วนประกอบ</strong>&nbsp;ขยายตัวร้อยละ 39.7 ขยายตัวต่อเนื่อง 16 เดือน (ขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ เนเธอร์แลนด์ ญี่ปุ่น อิตาลี และเยอรมนี)&nbsp;<strong>เครื่องใช้สำหรับเดินทาง</strong>&nbsp;ขยายตัวร้อยละ 53.7 ขยายตัวต่อเนื่อง 24 เดือน (ขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ สวิตเซอร์แลนด์ จีน ญี่ปุ่น และฝรั่งเศส)</p>

<p><strong>&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp;&nbsp;</strong>ขณะที่<strong>สินค้าสำคัญที่<u>หดตัว</u>&nbsp;</strong>อาทิ&nbsp;<strong>สินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน&nbsp;</strong>หดตัวร้อยละ 20.6 หดตัวต่อเนื่อง 7 เดือน (หดตัวในตลาดจีน อินเดีย มาเลเซีย กัมพูชา และเวียดนาม แต่ขยายตัวในตลาดญี่ปุ่น ลาว และโอมาน)&nbsp;<strong>เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ</strong>&nbsp;หดตัวร้อยละ 22.9 หดตัวต่อเนื่อง 5 เดือน (หดตัวในตลาดสหรัฐฯ จีน ฮ่องกง ญี่ปุ่น และเนเธอร์แลนด์ แต่ขยายตัวในตลาดสิงคโปร์ มาเลเซีย ไอร์แลนด์ เกาหลีใต้ และเวียดนาม)&nbsp;<strong>เหล็ก เหล็กกล้า และผลิตภัณฑ์</strong>&nbsp;หดตัวร้อยละ 12.9 หดตัวต่อเนื่อง 6 เดือน (หดตัวในตลาดสหรัฐฯ ญี่ปุ่น อินเดีย มาเลเซีย และอินโดนีเซีย แต่ขยายตัวในตลาดจีน เมียนมา ลาว เยอรมนี และสิงคโปร์) ทั้งนี้&nbsp;<strong>2 เดือนแรกของปี 2566</strong><strong>&nbsp;การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม หดตัวร้อยละ 5.8</strong></p>

<p><strong>ตลาดส่งออกสำคัญ</strong></p>

<p><strong>&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp;&nbsp;การส่งออกไปยังตลาดสำคัญในภาพรวมส่วนใหญ่ยังคงหดตัวต่อเนื่อง สอดคล้องกับภาวะการชะลอตัวของอุปสงค์จากประเทศคู่ค้า อย่างไรก็ตาม การส่งออกไปหลายตลาด อาทิ จีน ญี่ปุ่น และ CLMV หดตัวน้อยลงจากเดือนก่อน ตลาดตะวันออกกลางขยายตัวดีต่อเนื่อง รวมถึงฮ่องกงที่กลับมาขยายตัว&nbsp;</strong>ทั้งนี้ ภาพรวมการส่งออกไปยังกลุ่มตลาดต่าง ๆ สรุปได้ดังนี้<strong>&nbsp;(1) ตลาดหลัก หดตัวร้อยละ&nbsp;</strong><strong>5.9&nbsp;</strong>หดตัวใน<u>สหรัฐฯ</u>&nbsp;ร้อยละ 9.5&nbsp;<u>จีน&nbsp;</u>ร้อยละ 7.9&nbsp;<u>ญี่ปุ่น</u>&nbsp;ร้อยละ 2.5&nbsp;<u>CLMV</u>&nbsp;ร้อยละ 4.9 และ<u>อาเซียน (5)</u>&nbsp;ร้อยละ 6.4 ขณะที่<u>สหภาพยุโรป (27)</u>&nbsp;ขยายตัวต่อเนื่องร้อยละ 0.1&nbsp;<strong>(2) ตลาดรอง ขยายตัวร้อยละ 2.4&nbsp;</strong>โดยขยายตัวในตลาด<u>ฮ่องกง</u>&nbsp;ร้อยละ 28.6&nbsp;<u>ตะวันออกกลาง</u>ร้อยละ 23.8 และ<u>ทวีปแอฟริกา</u>&nbsp;ร้อยละ&nbsp;<a id="_Hlk117237708" name="_Hlk117237708">11.2&nbsp;</a>แต่หดตัวในตลาด<u>เอเชียใต้</u>&nbsp;ร้อยละ 9.4&nbsp;<u>ทวีปออสเตรเลีย</u>&nbsp;ร้อยละ 9.2&nbsp;<u>ลาตินอเมริกา</u>&nbsp;ร้อยละ 4.7&nbsp;<u>รัสเซียและกลุ่ม CIS</u>&nbsp;ร้อยละ 26.0 และ<u>สหราชอาณาจักร</u>&nbsp;ร้อยละ 3.5<strong>&nbsp;(3) ตลาดอื่น ๆ หดตัวร้อยละ 67.1&nbsp;</strong>อาทิ สวิตเซอร์แลนด์ หดตัวร้อยละ 80.7</p>

<p><strong>&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp;&nbsp;ตลาดสหรัฐฯ</strong>&nbsp;<strong>หดตัวร้อยละ 9.5</strong>&nbsp;(หดตัวต่อเนื่อง 3 เดือน)&nbsp;<u>สินค้าสำคัญที่หดตัว</u>&nbsp;ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์ยาง และอาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป เป็นต้น&nbsp;<u>สินค้าสำคัญที่ขยายตัว</u>&nbsp;ได้แก่ อุปกรณ์กึ่งตัวนำ ทรานซิสเตอร์ และไดโอด เครื่องโทรสาร โทรศัพท์ และส่วนประกอบ และหม้อแปลงไฟฟ้าและส่วนประกอบ เป็นต้น ทั้งนี้&nbsp;<strong>2 เดือนแรกของปี 2566</strong>&nbsp;<strong>หดตัวร้อยละ 7.2</strong></p>

<p><strong>&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp;&nbsp;ตลาดจีน</strong>&nbsp;<strong>หดตัวร้อยละ 7.9</strong>&nbsp;(หดตัวต่อเนื่อง 9 เดือน)&nbsp;<u>สินค้าสำคัญที่หดตัว</u>&nbsp;ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เม็ดพลาสติก และยางพารา เป็นต้น&nbsp;<u>สินค้าสำคัญที่ขยายตัว</u>&nbsp;ได้แก่ ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็ง และแห้ง ผลิตภัณฑ์ยาง และผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง เป็นต้น ทั้งนี้&nbsp;<strong>2 เดือนแรกของปี 2566 หดตัวร้อยละ 9.6</strong></p>

<p><strong>&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp;&nbsp;ตลาดญี่ปุ่น</strong>&nbsp;<strong>หดตัวร้อยละ 2.5</strong>&nbsp;(หดตัวต่อเนื่อง 6 เดือน)&nbsp;<u>สินค้าสำคัญที่หดตัว</u>&nbsp;ได้แก่ เครื่องโทรสาร โทรศัพท์ และส่วนประกอบ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และไก่แปรรูป เป็นต้น&nbsp;<u>สินค้าสำคัญที่ขยายตัว</u>&nbsp;ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้าและส่วนประกอบ รถจักรยานยนต์และส่วนประกอบ และแผงวงจรไฟฟ้า เป็นต้น ทั้งนี้<br />
<strong>2 เดือนแรกของปี 2566</strong>&nbsp;<strong>หดตัวร้อยละ 5.9</strong></p>

<p><strong>&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp;&nbsp;ตลาดอาเซียน (5)</strong>&nbsp;<strong>กลับมาหดตัวร้อยละ 6.4</strong>&nbsp;<u>สินค้าสำคัญที่หดตัว</u>&nbsp;ได้แก่ น้ำมันสำเร็จรูป อัญมณีและเครื่องประดับ และเม็ดพลาสติก เป็นต้น&nbsp;<u>สินค้าสำคัญที่ขยายตัว</u>&nbsp;ได้แก่ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ น้ำตาลทราย และข้าว เป็นต้น ทั้งนี้&nbsp;<strong>2 เดือนแรกของปี 2566 หดตัวร้อยละ 2.4</strong></p>

<p><strong>&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp;&nbsp;ตลาด CLMV</strong>&nbsp;<strong>หดตัวร้อยละ 4.9&nbsp;</strong>(หดตัวต่อเนื่อง 4 เดือน)&nbsp;<u>สินค้าสำคัญที่หดตัว</u>&nbsp;ได้แก่ เม็ดพลาสติก อัญมณีและเครื่องประดับ และผลิตภัณฑ์ยาง เป็นต้น&nbsp;<u>สินค้าสำคัญที่ขยายตัว</u>&nbsp;ได้แก่ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ น้ำมันสำเร็จรูป และอุปกรณ์กึ่งตัวนำ ทรานซิสเตอร์ และไดโอด เป็นต้น ทั้งนี้&nbsp;<strong>2 เดือนแรกของปี 2566<br />
หดตัวร้อยละ 7.9</strong></p>

<p><strong>&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp;&nbsp;ตลาดสหภาพยุโรป (27)</strong>&nbsp;<strong>ขยายตัวร้อยละ 0.1&nbsp;</strong>(ขยายตัวต่อเนื่อง 2 เดือน)&nbsp;<u>สินค้าสำคัญที่ขยายตัว</u>&nbsp;ได้แก่ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ หม้อแปลงไฟฟ้าและส่วนประกอบ และเครื่องรับวิทยุ โทรทัศน์ และส่วนประกอบ เป็นต้น&nbsp;<u>สินค้าสำคัญที่หดตัว</u>&nbsp;ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ยางพารา และเคมีภัณฑ์ เป็นต้น ทั้งนี้&nbsp;<strong>2 เดือนแรกของปี 2566</strong>&nbsp;<strong>ขยายตัวร้อยละ 1.1</strong></p>

<p><strong>&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp;&nbsp;ตลาดเอเชียใต้</strong>&nbsp;<strong>หดตัวร้อยละ 9.4</strong>&nbsp;(หดตัวต่อเนื่อง 7 เดือน)&nbsp;<u>สินค้าสำคัญที่หดตัว</u>&nbsp;ได้แก่ อัญมณีและเครื่องประดับ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และเม็ดพลาสติก เป็นต้น&nbsp;<u>สินค้าสำคัญที่ขยายตัว</u>&nbsp;ได้แก่ ไขมันและน้ำมันจากพืชและสัตว์ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ และอุปกรณ์กึ่งตัวนำ ทรานซิสเตอร์ และไดโอด เป็นต้น ทั้งนี้&nbsp;<strong>2 เดือนแรกของปี 2566</strong>&nbsp;<strong>หดตัวร้อยละ 7</strong><strong>.0</strong></p>

<p><strong>&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp;&nbsp;ตลาดฮ่องกง ขยายตัวร้อยละ 28.6</strong>&nbsp;(กลับมาขยายตัวในรอบ 10 เดือน)&nbsp;<u>สินค้าสำคัญที่ขยายตัว</u>&nbsp;ได้แก่อัญมณีและเครื่องประดับ เครื่องยนต์สันดาปภายในฯ และน้ำมันสำเร็จรูป เป็นต้น&nbsp;<u>สินค้าสำคัญที่หดตัว</u>&nbsp;ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ แผงวงจรไฟฟ้า และอุปกรณ์กึ่งตัวนำ ทรานซิสเตอร์ และไดโอด เป็นต้น ทั้งนี้&nbsp;<strong>2 เดือนแรก</strong><strong>ของปี&nbsp;</strong><strong>2566 ขยายตัวร้อยละ 0.3</strong></p>

<p><strong>&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp;&nbsp;ตลาดทวีปออสเตรเลีย หดตัวร้อยละ 9.2</strong>&nbsp;(หดตัวต่อเนื่อง 4 เดือน)&nbsp;<u>สินค้าสำคัญที่หดตัว</u>&nbsp;ได้แก่ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ อัญมณีและเครื่องประดับ และเครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ เป็นต้น&nbsp;<u>สินค้าสำคัญที่ขยายตัว</u>&nbsp;ได้แก่ รถจักรยานยนต์และส่วนประกอบ เครื่องสำอาง สบู่ และผลิตภัณฑ์รักษาผิว และอาหารสัตว์เลี้ยง เป็นต้น ทั้งนี้&nbsp;<strong>2 เดือนแรกของปี 2566 หดตัวร้อยละ 8.2</strong></p>

<p><strong>&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp;&nbsp;ตลาดตะวันออกกลาง</strong>&nbsp;<strong>ขยายตัวร้อยละ 23.8</strong>&nbsp;(ขยายตัวต่อเนื่อง 13 เดือน)&nbsp;<u>สินค้าสำคัญที่ขยายตัว</u>&nbsp;ได้แก่ อัญมณีและเครื่องประดับ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และเครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ เป็นต้น&nbsp;<u>สินค้าสำคัญที่หดตัว</u>&nbsp;ได้แก่ ข้าว ยางพารา และเม็ดพลาสติก เป็นต้น ทั้งนี้&nbsp;<strong>2 เดือนแรกของปี 2566 ขยายตัวร้อยละ 23.7</strong></p>

<p><strong>&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp;&nbsp;ตลาดทวีปแอฟริกา ขยายตัวร้อยละ 11.2</strong>&nbsp;(ขยายตัวต่อเนื่อง 2 เดือน)&nbsp;<u>สินค้าสำคัญที่ขยายตัว</u>&nbsp;ได้แก่ ข้าว น้ำตาลทราย และไขมันและน้ำมันจากพืชและสัตว์ เป็นต้น&nbsp;<u>สินค้าสำคัญที่หดตัว</u>&nbsp;ได้แก่ เม็ดพลาสติก เคมีภัณฑ์ และไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ เป็นต้น ทั้งนี้&nbsp;<strong>2 เดือนแรกของปี 2566</strong>&nbsp;<strong>ขยายตัวร้อยละ 12.8</strong></p>

<p><strong>&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp;&nbsp;ตลาดลาตินอเมริกา กลับมาหดตัวร้อยละ 4.7</strong>&nbsp;<u>สินค้าสำคัญที่หดตัว</u>&nbsp;ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ยางพารา และรถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เป็นต้น&nbsp;<u>สินค้าสำคัญที่ขยายตัว</u>&nbsp;ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้าและส่วนประกอบ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ และเหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เป็นต้น ทั้งนี้&nbsp;<strong>2 เดือนแรกของปี 2566</strong>&nbsp;<strong>หดตัวร้อยละ 1.9</strong></p>

<p><strong>&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp;&nbsp;ตลาดรัสเซียและกลุ่มประเทศ CIS</strong>&nbsp;<strong>หดตัวร้อยละ 26.0</strong>&nbsp;(หดตัวต่อเนื่อง 12 เดือน)&nbsp;<u>สินค้าสำคัญที่หดตัว</u>&nbsp;ได้แก่ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ และผลิตภัณฑ์ยาง เป็นต้น&nbsp;<u>สินค้าสำคัญ</u><u>ที่ขยายตัว</u>&nbsp;ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้าและส่วนประกอบ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ และเครื่องสำอาง สบู่ และผลิตภัณฑ์รักษาผิว เป็นต้น ทั้งนี้&nbsp;<strong>2 เดือนแรกของปี 2566 หดตัวร้อยละ 36.8</strong></p>

<p><strong>&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp;&nbsp;ตลาดสหราชอาณาจักร</strong>&nbsp;<strong>หดตัวร้อยละ 3.5</strong>&nbsp;(หดตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 9 เดือน)&nbsp;<u>สินค้าสำคัญที่หดตัว</u>&nbsp;ได้แก่ รถจักรยานยนต์และส่วนประกอบ อัญมณีและเครื่องประดับ และเครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ เป็นต้น&nbsp;<u>สินค้าสำคัญที่ขยายตัว</u>&nbsp;ได้แก่ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ไก่แปรรูป และเครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เป็นต้น ทั้งนี้&nbsp;<strong>2 เดือนแรกของปี 2566</strong>&nbsp;<strong>ขยายตัวร้อยละ 0.9</strong></p>

<p><strong>การส่งเสริมการส่งออกของกระทรวงพาณิชย์ และแนวโน้มการส่งออกระยะถัดไป</strong></p>

<p><strong>&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp;&nbsp;การส่งเสริมการส่งออก</strong>&nbsp;กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการเชิงรุกและลึก เพื่อผลักดันและอำนวยความสะดวกการส่งออก โดยการดำเนินงานที่สำคัญในรอบเดือนที่ผ่านมา อาทิ&nbsp;<strong>(1) การผลักดันการส่งออกสินค้าเกษตร&nbsp;</strong>กระทรวงพาณิชย์เดินหน้าทำตลาดข้าวผ่านงานแสดงสินค้านานาชาติ ตั้งเป้าการส่งออกปี 2566 ที่ 7.5 ล้านตัน ด้วยปัจจัยหนุนจากอินเดียและเวียดนามมีนโยบายเก็บสต๊อกข้าวในประเทศเพิ่มขึ้น รวมทั้งความต้องการบริโภคข้าวในอินโดนีเซีย บังกลาเทศ และตะวันออกกลางที่เพิ่มขึ้น&nbsp;<strong>(2) การเดินหน้าสร้างความร่วมมือระดับท้องถิ่น&nbsp;</strong>ด้วยการลงนามบันทึกความเข้าใจ (Mini FTA) ระหว่างไทยและเซินเจิ้น ตั้งเป้าการค้าระหว่างกันอีก 43,000 ล้านบาท ในปี 2566 - 2567 เซินเจิ้นเป็นเขตเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 3 ของจีน รองจากเซี่ยงไฮ้และปักกิ่ง และมีขนาดเศรษฐกิจเกือบเท่าไทย<strong>&nbsp;(3) การเร่งเปิดเจรจา&nbsp;</strong><strong>FTA&nbsp;</strong>คณะรัฐมนตรีเห็นชอบการเจรจาจัดทำความตกลงการค้าเสรี (FTA) ไทย-สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) โดยหลังจากนี้จะเข้าสู่กระบวนการเปิดการเจรจาระหว่างทั้งสองฝ่าย ซึ่งก่อนหน้านี้กระทรวงพาณิชย์ได้นำคณะผู้แทนภาครัฐและเอกชนของไทยร่วมประชุมกับฝ่ายยูเออี เพื่อส่งเสริมการค้าการลงทุนระหว่างกัน และเปิดโครงการไทยซุค (Thai Souq) ที่เป็นแหล่งรวมและกระจายสินค้าและบริการของไทยในเมืองดูไบ ทั้งนี้ ยูเออีเป็นคู่ค้าอันดับหนึ่งในกลุ่มประเทศตะวันออกกลางและจะเป็นประตูเข้าสู่การค้าของกลุ่มประเทศอาหรับต่อไป</p>

<p><strong>&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp;&nbsp;แนวโน้มการส่งออกในระยะถัดไป</strong>&nbsp;กระทรวงพาณิชย์ ประเมินว่า ช่วงครึ่งปีแรกการส่งออกของไทยจะได้รับผลกระทบตามภาวะเศรษฐกิจโลกที่มีความไม่แน่นอนสูง ประเทศคู่ค้าหลักยังคงเผชิญกับปัญหาเงินเฟ้อ และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างต่อเนื่องจะชะลอการเติบโตของเศรษฐกิจ อย่างไรก็ดีคาดว่าช่วงหลังของปี การส่งออกจะปรับตัวดีขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปจากแรงกดดันเงินเฟ้อที่ปรับตัวลดลงตามแนวโน้มราคาพลังงาน และปัญหาห่วงโซ่อุปทานโลกที่ทยอยคลี่คลาย นอกจากนี้ แรงหนุนจากการเปิดประเทศของจีน และการฟื้นตัวของ<br />
ภาคบริการและการท่องเที่ยวจะช่วยหนุนอุปสงค์ของประเทศคู่ค้าในระยะต่อไป</p>

<p>--------------------------------------------</p>

<p>สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า<br />
กระทรวงพาณิชย์<br />
30 มีนาคม 2566</p>

<p><img src="http://uploads.tpso.go.th/img_973.jpg" style="height:800px; width:1200px" /><img src="http://uploads.tpso.go.th/img_957.jpg" style="height:800px; width:1200px" /><img src="http://uploads.tpso.go.th/img_968.jpg" style="height:800px; width:1200px" /><img src="http://uploads.tpso.go.th/img_914.jpg" style="height:800px; width:1200px" /><img src="http://uploads.tpso.go.th/img_965.jpg" style="height:800px; width:1200px" /><img src="http://uploads.tpso.go.th/img_961.jpg" style="height:800px; width:1200px" /><img src="http://uploads.tpso.go.th/img_874.jpg" style="height:800px; width:1200px" /><img src="http://uploads.tpso.go.th/img_971.jpg" style="height:800px; width:1200px" /><img src="http://uploads.tpso.go.th/img_936.jpg" style="height:800px; width:1200px" /></p>

ภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทย ประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2566

เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2566 เวลา 10.00 น. นายสินิตย์  เลิศไกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ แถลงข่าวภาวะการค้าระหว่างประเทศ–การค้าชายแดนและผ่านแดน เดือนกุมภาพันธ์ 2566 และ 2 เดือนแรกของปี 2566 พร้อมด้วย นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) ผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ ที่ห้องบุรฉัตรไชยากรชั้น 4 ตึกสำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์

                        การส่งออกของไทยในเดือนกุมภาพันธ์ 2566 มีมูลค่า 22,376.3 ล้านเหรียญสหรัฐ (730,123 ล้านบาท)หดตัวร้อยละ 4.7 หักน้ำมัน สินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ทองคำ และยุทธปัจจัย หดตัวเพียงร้อยละ 0.05 เนื่องจากฐานที่สูงในปีก่อนหน้า และแรงกดดันจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว กระทบต่อความต้องการสินค้า โดยกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้ายังคงหดตัว รวมทั้งสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน (โดยเฉพาะเม็ดพลาสติก และเคมีภัณฑ์) และทองคำ มีการปรับลดลงจากปัจจัยราคาเป็นหลัก อย่างไรก็ดีการส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรกลับมาขยายตัวในรอบ 5 เดือน และสินค้าอุตสาหกรรมที่มีสัดส่วนต่อการส่งออกสูงยังคงขยายตัวได้ดี ได้แก่ รถยนต์และส่วนประกอบ อัญมณีและเครื่องประดับ (ไม่รวมทองคำ) และเครื่องปรับอากาศ แม้ว่าการส่งออกไปตลาดหลัก (ได้แก่ สหรัฐฯ จีน ญี่ปุ่น) ยังคงหดตัว แต่การส่งออกไปตลาดเป้าหมายที่กระทรวงพาณิชย์ให้ความสำคัญในปี 2566 เติบโตดี โดยเฉพาะตลาดตะวันออกกลาง และอินเดีย อีกทั้งการส่งออกไปฮ่องกงที่เป็นคู่ค้าอันดับ 4 ของไทย กลับมาขยายตัวในรอบ 10 เดือน ทั้งนี้ การส่งออกไทย 2 เดือนแรก หดตัวร้อยละ 4.6 และเมื่อหักสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ทองคำ และยุทธปัจจัย หดตัวร้อยละ 1.4

มูลค่าการค้ารวม

  • มูลค่าการค้าในรูปเงินดอลลาร์สหรัฐ เดือนกุมภาพันธ์ 2566
    การส่งออก มีมูลค่า 22,376.3 ล้านเหรียญสหรัฐ หดตัวร้อยละ 4.7 เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน
    การนำเข้า มีมูลค่า 23,489.7 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 1.1
    ดุลการค้า ขาดดุล 1,113.4 ล้านเหรียญสหรัฐ

    ภาพรวม 2 เดือนแรกของปี 2566
    การส่งออก
     มีมูลค่า 42,625.8 ล้านเหรียญสหรัฐ หดตัวร้อยละ 4.6 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
    การนำเข้า มีมูลค่า 48,388.8 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 3.3
    ดุลการค้า 2 เดือนแรกของปี 2566 ขาดดุล 5,763.1 ล้านเหรียญสหรัฐ

  • มูลค่าการค้าในรูปเงินบาท เดือนกุมภาพันธ์ 2566
    การส่งออก มีมูลค่า 730,123 ล้านบาท หดตัวร้อยละ 5.3 เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน
    การนำเข้า มีมูลค่า 776,425 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 0.5
    ดุลการค้า ขาดดุล 46,301 ล้านบาท

    ภาพรวม 2 เดือนแรกของปี 2566
    การส่งออก
     มีมูลค่า 1,430,250 ล้านบาท หดตัวร้อยละ 3.2 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
    การนำเข้า มีมูลค่า 1,647,855 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 5.0
    ดุลการค้า 2 เดือนแรกของปี 2566 ขาดดุล 217,605 ล้านบาท

การส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร

                        มูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร ขยายตัวร้อยละ 3.6 (YoY) กลับมาขยายตัวในรอบ 5 เดือน โดยเป็นการขยายตัวทั้งหมวดสินค้าเกษตร ขยายตัวร้อยละ 1.5 และหมวดสินค้าอุตสาหกรรมเกษตร ขยายตัวร้อยละ 5.6 สินค้าสำคัญที่ขยายตัว ได้แก่ น้ำตาลทราย ขยายตัวร้อยละ 21.4 กลับมาขยายตัวในรอบ 3 เดือน (ขยายตัวในตลาดอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ กัมพูชา มาเลเซีย และลาว) ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ขยายตัวร้อยละ 5.2 กลับมาขยายตัวในรอบ 3 เดือน (ขยายตัวในตลาดจีน ฟิลิปปินส์ อินเดีย เนเธอร์แลนด์ และลาว) ข้าว ขยายตัวร้อยละ 7.7 ขยายตัวต่อเนื่อง 2 เดือน (ขยายตัวในตลาดอิรัก อินโดนีเซีย เซเนกัล โมซัมบิก และแอฟริกาใต้) ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็ง และแห้ง ขยายตัวร้อยละ 95.0 ขยายตัวต่อเนื่อง 4 เดือน (ขยายตัวในตลาดจีน มาเลเซีย สหรัฐฯ ฮ่องกง และอินโดนีเซีย) ไขมันและน้ำมันจากพืชและสัตว์ ขยายตัวร้อยละ 171.4 ขยายตัวต่อเนื่อง 3 เดือน (ขยายตัวในตลาดอินเดีย เมียนมา เคนยา เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น) ไก่สด แช่เย็น แช่แข็ง ขยายตัวร้อยละ 61.6 ขยายตัวต่อเนื่อง 9 เดือน (ขยายตัวในตลาดจีน ญี่ปุ่น มาเลเซีย เกาหลีใต้ และสิงคโปร์)

                        ขณะที่สินค้าสำคัญที่หดตัว อาทิ ยางพารา หดตัวร้อยละ 34.0 หดตัวต่อเนื่อง 7 เดือน (หดตัวในตลาดจีน มาเลเซีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และตุรกี แต่ขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ อินเดีย ไต้หวัน โรมาเนีย และปากีสถาน) อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป หดตัวร้อยละ 9.1 หดตัวต่อเนื่อง 2 เดือน (หดตัวในตลาดสหรัฐฯ ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย แคนาดา และอียิปต์ แต่ขยายตัวในตลาดลิเบีย ซาอุดีอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อิสราเอล และเปรู) อาหารสัตว์เลี้ยง หดตัวร้อยละ 23.4 หดตัวต่อเนื่อง 4 เดือน (หดตัวในตลาดสหรัฐฯ มาเลเซีย อินเดีย เวียดนาม และอิตาลี แต่ขยายตัวในตลาดญี่ปุ่น ออสเตรเลีย ฟิลิปปินส์ กัมพูชา และเกาหลีใต้) ผลไม้กระป๋องและแปรรูป หดตัวร้อยละ 23.9 หดตัวต่อเนื่อง 5 เดือน (หดตัวในตลาดสหรัฐฯ ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย กัมพูชา และเนเธอร์แลนด์ แต่ขยายตัวในตลาดจีน ลาว สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เมียนมา และซาอุดีอาระเบีย) ทั้งนี้ 2 เดือนแรกของปี 2566 การส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร ขยายตัวร้อยละ 0.6

การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม

                        มูลค่าการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม หดตัวร้อยละ 6.2 (YoY) หดตัวต่อเนื่อง 5 เดือน แม้ว่าการส่งออกภาพรวมของหมวดจะหดตัว แต่ยังมีสินค้าสำคัญที่ขยายตัว อาทิ รถยนต์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ ขยายตัวร้อยละ 3.6 ขยายตัวต่อเนื่อง 2 เดือน (ขยายตัวในตลาดออสเตรเลีย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น และเวียดนาม) อัญมณีและเครื่องประดับ (ไม่รวมทองคำ) ขยายตัวร้อยละ 81.7 กลับมาขยายตัวในรอบ 3 เดือน (ขยายตัวในตลาดฮ่องกง สิงคโปร์ กาตาร์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และฝรั่งเศส) เครื่องยนต์สันดาปภายในแบบลูกสูบฯ ขยายตัวร้อยละ 22.2 กลับมาขยายตัวในรอบ 4 เดือน (ขยายตัวในตลาดฮ่องกง แอฟริกาใต้ อาร์เจนตินา จีน และฟิลิปปินส์) รถจักรยานยนต์และส่วนประกอบ ขยายตัวร้อยละ 15.7 ขยายตัวต่อเนื่อง 7 เดือน (ขยายตัวในตลาดญี่ปุ่น จีน ออสเตรเลีย เนเธอร์แลนด์ และฟิลิปปินส์) อุปกรณ์กึ่งตัวนำ ทรานซิสเตอร์ และไดโอด ขยายตัวร้อยละ 60.5 ขยายตัวต่อเนื่อง 8 เดือน (ขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ เวียดนาม อินเดีย แคนาดา และตุรกี) หม้อแปลงไฟฟ้าและส่วนประกอบ ขยายตัวร้อยละ 39.7 ขยายตัวต่อเนื่อง 16 เดือน (ขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ เนเธอร์แลนด์ ญี่ปุ่น อิตาลี และเยอรมนี) เครื่องใช้สำหรับเดินทาง ขยายตัวร้อยละ 53.7 ขยายตัวต่อเนื่อง 24 เดือน (ขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ สวิตเซอร์แลนด์ จีน ญี่ปุ่น และฝรั่งเศส)

                        ขณะที่สินค้าสำคัญที่หดตัว อาทิ สินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน หดตัวร้อยละ 20.6 หดตัวต่อเนื่อง 7 เดือน (หดตัวในตลาดจีน อินเดีย มาเลเซีย กัมพูชา และเวียดนาม แต่ขยายตัวในตลาดญี่ปุ่น ลาว และโอมาน) เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ หดตัวร้อยละ 22.9 หดตัวต่อเนื่อง 5 เดือน (หดตัวในตลาดสหรัฐฯ จีน ฮ่องกง ญี่ปุ่น และเนเธอร์แลนด์ แต่ขยายตัวในตลาดสิงคโปร์ มาเลเซีย ไอร์แลนด์ เกาหลีใต้ และเวียดนาม) เหล็ก เหล็กกล้า และผลิตภัณฑ์ หดตัวร้อยละ 12.9 หดตัวต่อเนื่อง 6 เดือน (หดตัวในตลาดสหรัฐฯ ญี่ปุ่น อินเดีย มาเลเซีย และอินโดนีเซีย แต่ขยายตัวในตลาดจีน เมียนมา ลาว เยอรมนี และสิงคโปร์) ทั้งนี้ 2 เดือนแรกของปี 2566 การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม หดตัวร้อยละ 5.8

ตลาดส่งออกสำคัญ

                        การส่งออกไปยังตลาดสำคัญในภาพรวมส่วนใหญ่ยังคงหดตัวต่อเนื่อง สอดคล้องกับภาวะการชะลอตัวของอุปสงค์จากประเทศคู่ค้า อย่างไรก็ตาม การส่งออกไปหลายตลาด อาทิ จีน ญี่ปุ่น และ CLMV หดตัวน้อยลงจากเดือนก่อน ตลาดตะวันออกกลางขยายตัวดีต่อเนื่อง รวมถึงฮ่องกงที่กลับมาขยายตัว ทั้งนี้ ภาพรวมการส่งออกไปยังกลุ่มตลาดต่าง ๆ สรุปได้ดังนี้ (1) ตลาดหลัก หดตัวร้อยละ 5.9 หดตัวในสหรัฐฯ ร้อยละ 9.5 จีน ร้อยละ 7.9 ญี่ปุ่น ร้อยละ 2.5 CLMV ร้อยละ 4.9 และอาเซียน (5) ร้อยละ 6.4 ขณะที่สหภาพยุโรป (27) ขยายตัวต่อเนื่องร้อยละ 0.1 (2) ตลาดรอง ขยายตัวร้อยละ 2.4 โดยขยายตัวในตลาดฮ่องกง ร้อยละ 28.6 ตะวันออกกลางร้อยละ 23.8 และทวีปแอฟริกา ร้อยละ 11.2 แต่หดตัวในตลาดเอเชียใต้ ร้อยละ 9.4 ทวีปออสเตรเลีย ร้อยละ 9.2 ลาตินอเมริกา ร้อยละ 4.7 รัสเซียและกลุ่ม CIS ร้อยละ 26.0 และสหราชอาณาจักร ร้อยละ 3.5 (3) ตลาดอื่น ๆ หดตัวร้อยละ 67.1 อาทิ สวิตเซอร์แลนด์ หดตัวร้อยละ 80.7

                        ตลาดสหรัฐฯ หดตัวร้อยละ 9.5 (หดตัวต่อเนื่อง 3 เดือน) สินค้าสำคัญที่หดตัว ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์ยาง และอาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป เป็นต้น สินค้าสำคัญที่ขยายตัว ได้แก่ อุปกรณ์กึ่งตัวนำ ทรานซิสเตอร์ และไดโอด เครื่องโทรสาร โทรศัพท์ และส่วนประกอบ และหม้อแปลงไฟฟ้าและส่วนประกอบ เป็นต้น ทั้งนี้ 2 เดือนแรกของปี 2566 หดตัวร้อยละ 7.2

                        ตลาดจีน หดตัวร้อยละ 7.9 (หดตัวต่อเนื่อง 9 เดือน) สินค้าสำคัญที่หดตัว ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เม็ดพลาสติก และยางพารา เป็นต้น สินค้าสำคัญที่ขยายตัว ได้แก่ ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็ง และแห้ง ผลิตภัณฑ์ยาง และผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง เป็นต้น ทั้งนี้ 2 เดือนแรกของปี 2566 หดตัวร้อยละ 9.6

                        ตลาดญี่ปุ่น หดตัวร้อยละ 2.5 (หดตัวต่อเนื่อง 6 เดือน) สินค้าสำคัญที่หดตัว ได้แก่ เครื่องโทรสาร โทรศัพท์ และส่วนประกอบ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และไก่แปรรูป เป็นต้น สินค้าสำคัญที่ขยายตัว ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้าและส่วนประกอบ รถจักรยานยนต์และส่วนประกอบ และแผงวงจรไฟฟ้า เป็นต้น ทั้งนี้
2 เดือนแรกของปี 2566 หดตัวร้อยละ 5.9

                        ตลาดอาเซียน (5) กลับมาหดตัวร้อยละ 6.4 สินค้าสำคัญที่หดตัว ได้แก่ น้ำมันสำเร็จรูป อัญมณีและเครื่องประดับ และเม็ดพลาสติก เป็นต้น สินค้าสำคัญที่ขยายตัว ได้แก่ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ น้ำตาลทราย และข้าว เป็นต้น ทั้งนี้ 2 เดือนแรกของปี 2566 หดตัวร้อยละ 2.4

                        ตลาด CLMV หดตัวร้อยละ 4.9 (หดตัวต่อเนื่อง 4 เดือน) สินค้าสำคัญที่หดตัว ได้แก่ เม็ดพลาสติก อัญมณีและเครื่องประดับ และผลิตภัณฑ์ยาง เป็นต้น สินค้าสำคัญที่ขยายตัว ได้แก่ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ น้ำมันสำเร็จรูป และอุปกรณ์กึ่งตัวนำ ทรานซิสเตอร์ และไดโอด เป็นต้น ทั้งนี้ 2 เดือนแรกของปี 2566
หดตัวร้อยละ 7.9

                        ตลาดสหภาพยุโรป (27) ขยายตัวร้อยละ 0.1 (ขยายตัวต่อเนื่อง 2 เดือน) สินค้าสำคัญที่ขยายตัว ได้แก่ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ หม้อแปลงไฟฟ้าและส่วนประกอบ และเครื่องรับวิทยุ โทรทัศน์ และส่วนประกอบ เป็นต้น สินค้าสำคัญที่หดตัว ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ยางพารา และเคมีภัณฑ์ เป็นต้น ทั้งนี้ 2 เดือนแรกของปี 2566 ขยายตัวร้อยละ 1.1

                        ตลาดเอเชียใต้ หดตัวร้อยละ 9.4 (หดตัวต่อเนื่อง 7 เดือน) สินค้าสำคัญที่หดตัว ได้แก่ อัญมณีและเครื่องประดับ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และเม็ดพลาสติก เป็นต้น สินค้าสำคัญที่ขยายตัว ได้แก่ ไขมันและน้ำมันจากพืชและสัตว์ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ และอุปกรณ์กึ่งตัวนำ ทรานซิสเตอร์ และไดโอด เป็นต้น ทั้งนี้ 2 เดือนแรกของปี 2566 หดตัวร้อยละ 7.0

                        ตลาดฮ่องกง ขยายตัวร้อยละ 28.6 (กลับมาขยายตัวในรอบ 10 เดือน) สินค้าสำคัญที่ขยายตัว ได้แก่อัญมณีและเครื่องประดับ เครื่องยนต์สันดาปภายในฯ และน้ำมันสำเร็จรูป เป็นต้น สินค้าสำคัญที่หดตัว ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ แผงวงจรไฟฟ้า และอุปกรณ์กึ่งตัวนำ ทรานซิสเตอร์ และไดโอด เป็นต้น ทั้งนี้ 2 เดือนแรกของปี 2566 ขยายตัวร้อยละ 0.3

                        ตลาดทวีปออสเตรเลีย หดตัวร้อยละ 9.2 (หดตัวต่อเนื่อง 4 เดือน) สินค้าสำคัญที่หดตัว ได้แก่ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ อัญมณีและเครื่องประดับ และเครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ เป็นต้น สินค้าสำคัญที่ขยายตัว ได้แก่ รถจักรยานยนต์และส่วนประกอบ เครื่องสำอาง สบู่ และผลิตภัณฑ์รักษาผิว และอาหารสัตว์เลี้ยง เป็นต้น ทั้งนี้ 2 เดือนแรกของปี 2566 หดตัวร้อยละ 8.2

                        ตลาดตะวันออกกลาง ขยายตัวร้อยละ 23.8 (ขยายตัวต่อเนื่อง 13 เดือน) สินค้าสำคัญที่ขยายตัว ได้แก่ อัญมณีและเครื่องประดับ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และเครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ เป็นต้น สินค้าสำคัญที่หดตัว ได้แก่ ข้าว ยางพารา และเม็ดพลาสติก เป็นต้น ทั้งนี้ 2 เดือนแรกของปี 2566 ขยายตัวร้อยละ 23.7

                        ตลาดทวีปแอฟริกา ขยายตัวร้อยละ 11.2 (ขยายตัวต่อเนื่อง 2 เดือน) สินค้าสำคัญที่ขยายตัว ได้แก่ ข้าว น้ำตาลทราย และไขมันและน้ำมันจากพืชและสัตว์ เป็นต้น สินค้าสำคัญที่หดตัว ได้แก่ เม็ดพลาสติก เคมีภัณฑ์ และไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ เป็นต้น ทั้งนี้ 2 เดือนแรกของปี 2566 ขยายตัวร้อยละ 12.8

                        ตลาดลาตินอเมริกา กลับมาหดตัวร้อยละ 4.7 สินค้าสำคัญที่หดตัว ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ยางพารา และรถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เป็นต้น สินค้าสำคัญที่ขยายตัว ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้าและส่วนประกอบ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ และเหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เป็นต้น ทั้งนี้ 2 เดือนแรกของปี 2566 หดตัวร้อยละ 1.9

                        ตลาดรัสเซียและกลุ่มประเทศ CIS หดตัวร้อยละ 26.0 (หดตัวต่อเนื่อง 12 เดือน) สินค้าสำคัญที่หดตัว ได้แก่ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ และผลิตภัณฑ์ยาง เป็นต้น สินค้าสำคัญที่ขยายตัว ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้าและส่วนประกอบ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ และเครื่องสำอาง สบู่ และผลิตภัณฑ์รักษาผิว เป็นต้น ทั้งนี้ 2 เดือนแรกของปี 2566 หดตัวร้อยละ 36.8

                        ตลาดสหราชอาณาจักร หดตัวร้อยละ 3.5 (หดตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 9 เดือน) สินค้าสำคัญที่หดตัว ได้แก่ รถจักรยานยนต์และส่วนประกอบ อัญมณีและเครื่องประดับ และเครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ เป็นต้น สินค้าสำคัญที่ขยายตัว ได้แก่ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ไก่แปรรูป และเครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เป็นต้น ทั้งนี้ 2 เดือนแรกของปี 2566 ขยายตัวร้อยละ 0.9

การส่งเสริมการส่งออกของกระทรวงพาณิชย์ และแนวโน้มการส่งออกระยะถัดไป

                        การส่งเสริมการส่งออก กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการเชิงรุกและลึก เพื่อผลักดันและอำนวยความสะดวกการส่งออก โดยการดำเนินงานที่สำคัญในรอบเดือนที่ผ่านมา อาทิ (1) การผลักดันการส่งออกสินค้าเกษตร กระทรวงพาณิชย์เดินหน้าทำตลาดข้าวผ่านงานแสดงสินค้านานาชาติ ตั้งเป้าการส่งออกปี 2566 ที่ 7.5 ล้านตัน ด้วยปัจจัยหนุนจากอินเดียและเวียดนามมีนโยบายเก็บสต๊อกข้าวในประเทศเพิ่มขึ้น รวมทั้งความต้องการบริโภคข้าวในอินโดนีเซีย บังกลาเทศ และตะวันออกกลางที่เพิ่มขึ้น (2) การเดินหน้าสร้างความร่วมมือระดับท้องถิ่น ด้วยการลงนามบันทึกความเข้าใจ (Mini FTA) ระหว่างไทยและเซินเจิ้น ตั้งเป้าการค้าระหว่างกันอีก 43,000 ล้านบาท ในปี 2566 - 2567 เซินเจิ้นเป็นเขตเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 3 ของจีน รองจากเซี่ยงไฮ้และปักกิ่ง และมีขนาดเศรษฐกิจเกือบเท่าไทย (3) การเร่งเปิดเจรจา FTA คณะรัฐมนตรีเห็นชอบการเจรจาจัดทำความตกลงการค้าเสรี (FTA) ไทย-สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) โดยหลังจากนี้จะเข้าสู่กระบวนการเปิดการเจรจาระหว่างทั้งสองฝ่าย ซึ่งก่อนหน้านี้กระทรวงพาณิชย์ได้นำคณะผู้แทนภาครัฐและเอกชนของไทยร่วมประชุมกับฝ่ายยูเออี เพื่อส่งเสริมการค้าการลงทุนระหว่างกัน และเปิดโครงการไทยซุค (Thai Souq) ที่เป็นแหล่งรวมและกระจายสินค้าและบริการของไทยในเมืองดูไบ ทั้งนี้ ยูเออีเป็นคู่ค้าอันดับหนึ่งในกลุ่มประเทศตะวันออกกลางและจะเป็นประตูเข้าสู่การค้าของกลุ่มประเทศอาหรับต่อไป

                        แนวโน้มการส่งออกในระยะถัดไป กระทรวงพาณิชย์ ประเมินว่า ช่วงครึ่งปีแรกการส่งออกของไทยจะได้รับผลกระทบตามภาวะเศรษฐกิจโลกที่มีความไม่แน่นอนสูง ประเทศคู่ค้าหลักยังคงเผชิญกับปัญหาเงินเฟ้อ และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างต่อเนื่องจะชะลอการเติบโตของเศรษฐกิจ อย่างไรก็ดีคาดว่าช่วงหลังของปี การส่งออกจะปรับตัวดีขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปจากแรงกดดันเงินเฟ้อที่ปรับตัวลดลงตามแนวโน้มราคาพลังงาน และปัญหาห่วงโซ่อุปทานโลกที่ทยอยคลี่คลาย นอกจากนี้ แรงหนุนจากการเปิดประเทศของจีน และการฟื้นตัวของ
ภาคบริการและการท่องเที่ยวจะช่วยหนุนอุปสงค์ของประเทศคู่ค้าในระยะต่อไป

--------------------------------------------

สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า
กระทรวงพาณิชย์
30 มีนาคม 2566

เผยแพร่เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2566

ความคิดเห็นทั้งหมด (0)