พาณิชย์ทดสอบกลุ่มนำร่อง TraceThai.com ดันข้าวอินทรีย์ไทยขึ้น Blockchain

พาณิชย์ทดสอบกลุ่มนำร่อง TraceThai.com ดันข้าวอินทรีย์ไทยขึ้น Blockchain

avatar

Administrator


60


<p><strong>&quot; พาณิชย์ทดสอบกลุ่มนำร่อง TraceThai.com ดันข้าวอินทรีย์ไทยขึ้น Blockchain &quot;</strong></p>

<p>&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; นางสาวพิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า สนค. ได้เริ่มทดลองการใช้งานระบบ TraceThai.com สำหรับตรวจสอบย้อนกลับมาตรฐานสินค้าเกษตรอินทรีย์บน Blockchain กับผู้ประกอบการข้าวอินทรีย์ในจังหวัดนครปฐมและสุพรรณบุรี รวมทั้งกำลังจะขยายการใช้งานกับกลุ่มเกษตรกรในแถบอีสานใต้อีก 4 จังหวัด วางเป้าเปิดให้ใช้งานระบบจริงตั้งแต่เดือนตุลาคม 2563 นี้ โดยเมื่อช่วงวันที่ 19-21 สิงหาคมที่ผ่านมา ได้มีกลุ่มนำร่อง TraceThai.com เข้าร่วมงานมหกรรมครบรอบ 100 ปีกระทรวงพาณิชย์ นำเสนอสินค้าต้นแบบที่เข้าร่วมโครงการ Blockchain ตรวจสอบย้อนกลับข้าวอินทรีย์ ได้แก่ ข้าวอินทรีย์ แบรนด์บ้านสวนข้าวขวัญ และผลิตภัณฑ์ข้าวอินทรีย์แปรรูป แบรนด์ซองเดอร์&nbsp;</p>

<p>&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp;&nbsp;นางสาวพิมพ์ชนกกล่าวว่า สนค. ได้ริเริ่มการพัฒนาระบบ TraceThai.com เพื่อตรวจสอบย้อนกลับมาตรฐานสินค้าเกษตรอินทรีย์ไทยบน Blockchain โดยนำร่องด้วยข้าวอินทรีย์ซึ่งเป็นสินค้าที่มีมูลค่าสูงและมีศักยภาพในการส่งออก การนำเทคโนโลยี Blockchain มาสนับสนุนกระบวนการตรวจสอบย้อนกลับ (Traceability) นี้ เพื่อสร้างความโปร่งใส ยกระดับความน่าเชื่อถือและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าเกษตรอินทรีย์ไทย ผู้บริโภคทั้งชาวไทยและต่างชาติรวมถึงบริษัทคู่ค้าสามารถตรวจสอบที่มาและเส้นทางสินค้าเกษตรอินทรีย์จากไทย โดยการ สแกน QR Code หรือตรวจสอบจากเลขล็อตการผลิตบนฉลากสินค้ากับเว็บไซต์ TraceThai.com ซึ่งจะแสดงข้อมูลเส้นทางของสินค้านั้น ตั้งแต่กระบวนการเพาะปลูก การผลิต การแปรรูป จนถึงการจำหน่ายข้าวอินทรีย์&nbsp; รวมถึงทราบข้อมูลของผู้ประกอบการ ข้อมูลการผลิตสินค้า รวมทั้งข้อมูลมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ว่าสินค้านั้นผ่านมาตรฐานใด ได้รับการตรวจรับรองจากหน่วยงานรับรองมาตรฐาน (Certification Body: CB) รายใด ในส่วนของผู้ประกอบการสามารถใช้ระบบ TraceThai.com ในการควบคุมข้อมูลการผลิต การบริหารวัตถุดิบและสต็อกสินค้า รวมทั้งเป็นข้อมูลประกอบการตรวจรับรองมาตรฐานอินทรีย์ และสนับสนุนการสร้างเครือข่ายความเชื่อใจระหว่างกลุ่มผู้ประกอบการอินทรีย์ตลอดห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain) อีกด้วย&nbsp;</p>

<p>&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp;&nbsp;ที่ผ่านมา สนค. และที่ปรึกษาจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้ศึกษา วิเคราะห์ข้อมูล และรับฟังความคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่เกี่ยวข้องกับเกษตรอินทรีย์อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการสัมภาษณ์เชิงลึกและประชุมกลุ่มย่อย (Focus Group) กับกลุ่มผู้ผลิต ผู้ส่งออกข้าวอินทรีย์ หน่วยงานรับรองมาตรฐาน (CB) หน่วยงานส่งเสริมเกษตรอินทรีย์ และผู้เชี่ยวชาญเทคโนโลยี Blockchain เมื่อได้พัฒนาระบบต้นแบบเบื้องต้นแล้ว ช่วงเดือพฤษภาคม 2563 จึงได้ลงพื้นที่จังหวัดนครปฐมและสุพรรณบุรี เพื่อตรวจสอบยืนยันแนวคิดกับกลุ่มเกษตรกรและผู้ประกอบการเกษตรอินทรีย์จำนวน 5 ราย นอกจากนี้ สนค. ได้นำเสนอร่างผลการศึกษาความเป็นไปได้และแนวทางการพัฒนาระบบต้นแบบให้กับผู้เกี่ยวข้อง เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2563 ณ โรงแรมแลนด์มาร์ค กรุงเทพฯ พร้อมทั้งถ่ายทอดสดงานสัมมนาผ่านทางสื่อออนไลน์ ซึ่งมีผู้เข้าร่วมรับฟังและให้ข้อคิดเห็นทั้งทางออนไลน์และออฟไลน์รวมกว่า 160 คน</p>

<p>&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp;&nbsp;นางสาวพิมพ์ชนกกล่าวว่า &ldquo;ขณะนี้มีผู้ประกอบการบางรายได้ทดลองใช้ระบบ TraceThai.com กับสินค้าที่จำหน่ายในตลาดแล้ว โดยมีผู้ประกอบการข้าวอินทรีย์รายหนึ่งจากนครปฐมติด QR Code และสัญลักษณ์ TraceThai.com บนบรรจุภัณฑ์ข้าวอินทรีย์ที่ส่งออกไปยังสหรัฐอเมริกา โดยขายออนไลน์ในAmazon ซึ่งได้ผลตอบรับที่ดีจากผู้นำเข้าที่เห็นว่าระบบนี้ช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้กับสินค้าอินทรีย์ไทย รวมทั้ง มีผู้ผลิตและผู้แปรรูปข้าวอินทรีย์จากสุพรรณบุรีอีก 2 รายได้ใช้ระบบ TraceThai.com ในการตรวจสอบย้อนกลับข้าวอินทรีย์ และสินค้าแปรรูปข้าวอินทรีย์เป็นอาหารสำหรับเด็ก โดยจัดจำหน่ายในงานมหกรรมครบรอบ 100 ปี กระทรวงพาณิชย์ที่ผ่านมาด้วย&rdquo;</p>

<p>&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp;&nbsp;ปัจจุบันระบบ TraceThai.com มีความสมบูรณ์เกือบ 100% แล้ว โดยช่วงต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา คณะทำงานได้จัดการทดสอบระบบผ่านทางออนไลน์กับกลุ่มผู้ประกอบการนำร่องรวมจำนวน 6 ราย ทั้งที่เป็นผู้ผลิตรายเดี่ยว ผู้ผลิตที่เป็นกลุ่มวิสาหกิจชุมชน ผู้ส่งออก และผู้แปรรูปสินค้าเกษตรอินทรีย์ โดยมีข้อคิดเห็นให้ปรับปรุงระบบให้สอดคล้องกับการใช้งานจริงและปรับให้ใช้งานง่ายมากขึ้น รวมทั้งช่วงวันที่ 8-11 กันยายนนี้ สนค. และที่ปรึกษาโครงการฯ พร้อมด้วยเครือข่ายภาครัฐ ได้แก่ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธนาคารกรุงไทย และ GISTDA จะร่วมลงพื้นที่เพื่อทดสอบระบบกับเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และผู้ประกอบการข้าวอินทรีย์จำนวน 6 รายในจังหวัดสุรินทร์ ศรีสะเกษ ยโสธร และบุรีรัมย์&nbsp; โดยตั้งเป้าว่าภายหลังการรวบรวมข้อคิดเห็นจากผู้ใช้งานจริงเพื่อนำมาปรับปรุงระบบ TraceThai.com ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นแล้ว จะได้เริ่มใช้งานระบบจริง พร้อมทั้งจัดงานสัมมนาเผยแพร่โครงการและ Roadmap แนวทางการต่อยอดโครงการระยะต่อไปในเดือนตุลาคม 2563 นี้&nbsp;</p>

<p style="text-align:right">---------------------------------------------</p>

<p style="text-align:right">สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า<br />
กระทรวงพาณิชย์<br />
7 กันยายน 2563</p>

<p>&nbsp;</p>

<p><img src="http://uploads.tpso.go.th/image-20230821105625-1.jpeg" /></p>

<p><img src="http://uploads.tpso.go.th/image-20230821105637-2.jpeg" /></p>

<p><img src="http://uploads.tpso.go.th/image-20230821105644-3.jpeg" /></p>

<p><img src="http://uploads.tpso.go.th/image-20230821105652-4.jpeg" /></p>

<p><img src="http://uploads.tpso.go.th/image-20230821105704-5.jpeg" /></p>

<p><img src="http://uploads.tpso.go.th/image-20230821105715-6.jpeg" /></p>

<p><img src="http://uploads.tpso.go.th/image-20230821105724-7.jpeg" /></p>

<p><img src="http://uploads.tpso.go.th/image-20230821105733-8.jpeg" /></p>

<p><img src="http://uploads.tpso.go.th/image-20230821105740-9.jpeg" /></p>

<p><strong>ไฟล์อัพโหลด:&nbsp;</strong><a href="http://uploads.tpso.go.th/press_release_-_tracethai_thdsbklumnamrng.pdf" target="_blank">press_release_-_tracethai_thdsbklumnamrng.pdf</a></p>

" พาณิชย์ทดสอบกลุ่มนำร่อง TraceThai.com ดันข้าวอินทรีย์ไทยขึ้น Blockchain "

                    นางสาวพิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า สนค. ได้เริ่มทดลองการใช้งานระบบ TraceThai.com สำหรับตรวจสอบย้อนกลับมาตรฐานสินค้าเกษตรอินทรีย์บน Blockchain กับผู้ประกอบการข้าวอินทรีย์ในจังหวัดนครปฐมและสุพรรณบุรี รวมทั้งกำลังจะขยายการใช้งานกับกลุ่มเกษตรกรในแถบอีสานใต้อีก 4 จังหวัด วางเป้าเปิดให้ใช้งานระบบจริงตั้งแต่เดือนตุลาคม 2563 นี้ โดยเมื่อช่วงวันที่ 19-21 สิงหาคมที่ผ่านมา ได้มีกลุ่มนำร่อง TraceThai.com เข้าร่วมงานมหกรรมครบรอบ 100 ปีกระทรวงพาณิชย์ นำเสนอสินค้าต้นแบบที่เข้าร่วมโครงการ Blockchain ตรวจสอบย้อนกลับข้าวอินทรีย์ ได้แก่ ข้าวอินทรีย์ แบรนด์บ้านสวนข้าวขวัญ และผลิตภัณฑ์ข้าวอินทรีย์แปรรูป แบรนด์ซองเดอร์ 

                    นางสาวพิมพ์ชนกกล่าวว่า สนค. ได้ริเริ่มการพัฒนาระบบ TraceThai.com เพื่อตรวจสอบย้อนกลับมาตรฐานสินค้าเกษตรอินทรีย์ไทยบน Blockchain โดยนำร่องด้วยข้าวอินทรีย์ซึ่งเป็นสินค้าที่มีมูลค่าสูงและมีศักยภาพในการส่งออก การนำเทคโนโลยี Blockchain มาสนับสนุนกระบวนการตรวจสอบย้อนกลับ (Traceability) นี้ เพื่อสร้างความโปร่งใส ยกระดับความน่าเชื่อถือและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าเกษตรอินทรีย์ไทย ผู้บริโภคทั้งชาวไทยและต่างชาติรวมถึงบริษัทคู่ค้าสามารถตรวจสอบที่มาและเส้นทางสินค้าเกษตรอินทรีย์จากไทย โดยการ สแกน QR Code หรือตรวจสอบจากเลขล็อตการผลิตบนฉลากสินค้ากับเว็บไซต์ TraceThai.com ซึ่งจะแสดงข้อมูลเส้นทางของสินค้านั้น ตั้งแต่กระบวนการเพาะปลูก การผลิต การแปรรูป จนถึงการจำหน่ายข้าวอินทรีย์  รวมถึงทราบข้อมูลของผู้ประกอบการ ข้อมูลการผลิตสินค้า รวมทั้งข้อมูลมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ว่าสินค้านั้นผ่านมาตรฐานใด ได้รับการตรวจรับรองจากหน่วยงานรับรองมาตรฐาน (Certification Body: CB) รายใด ในส่วนของผู้ประกอบการสามารถใช้ระบบ TraceThai.com ในการควบคุมข้อมูลการผลิต การบริหารวัตถุดิบและสต็อกสินค้า รวมทั้งเป็นข้อมูลประกอบการตรวจรับรองมาตรฐานอินทรีย์ และสนับสนุนการสร้างเครือข่ายความเชื่อใจระหว่างกลุ่มผู้ประกอบการอินทรีย์ตลอดห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain) อีกด้วย 

                    ที่ผ่านมา สนค. และที่ปรึกษาจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้ศึกษา วิเคราะห์ข้อมูล และรับฟังความคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่เกี่ยวข้องกับเกษตรอินทรีย์อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการสัมภาษณ์เชิงลึกและประชุมกลุ่มย่อย (Focus Group) กับกลุ่มผู้ผลิต ผู้ส่งออกข้าวอินทรีย์ หน่วยงานรับรองมาตรฐาน (CB) หน่วยงานส่งเสริมเกษตรอินทรีย์ และผู้เชี่ยวชาญเทคโนโลยี Blockchain เมื่อได้พัฒนาระบบต้นแบบเบื้องต้นแล้ว ช่วงเดือพฤษภาคม 2563 จึงได้ลงพื้นที่จังหวัดนครปฐมและสุพรรณบุรี เพื่อตรวจสอบยืนยันแนวคิดกับกลุ่มเกษตรกรและผู้ประกอบการเกษตรอินทรีย์จำนวน 5 ราย นอกจากนี้ สนค. ได้นำเสนอร่างผลการศึกษาความเป็นไปได้และแนวทางการพัฒนาระบบต้นแบบให้กับผู้เกี่ยวข้อง เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2563 ณ โรงแรมแลนด์มาร์ค กรุงเทพฯ พร้อมทั้งถ่ายทอดสดงานสัมมนาผ่านทางสื่อออนไลน์ ซึ่งมีผู้เข้าร่วมรับฟังและให้ข้อคิดเห็นทั้งทางออนไลน์และออฟไลน์รวมกว่า 160 คน

                    นางสาวพิมพ์ชนกกล่าวว่า “ขณะนี้มีผู้ประกอบการบางรายได้ทดลองใช้ระบบ TraceThai.com กับสินค้าที่จำหน่ายในตลาดแล้ว โดยมีผู้ประกอบการข้าวอินทรีย์รายหนึ่งจากนครปฐมติด QR Code และสัญลักษณ์ TraceThai.com บนบรรจุภัณฑ์ข้าวอินทรีย์ที่ส่งออกไปยังสหรัฐอเมริกา โดยขายออนไลน์ในAmazon ซึ่งได้ผลตอบรับที่ดีจากผู้นำเข้าที่เห็นว่าระบบนี้ช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้กับสินค้าอินทรีย์ไทย รวมทั้ง มีผู้ผลิตและผู้แปรรูปข้าวอินทรีย์จากสุพรรณบุรีอีก 2 รายได้ใช้ระบบ TraceThai.com ในการตรวจสอบย้อนกลับข้าวอินทรีย์ และสินค้าแปรรูปข้าวอินทรีย์เป็นอาหารสำหรับเด็ก โดยจัดจำหน่ายในงานมหกรรมครบรอบ 100 ปี กระทรวงพาณิชย์ที่ผ่านมาด้วย”

                    ปัจจุบันระบบ TraceThai.com มีความสมบูรณ์เกือบ 100% แล้ว โดยช่วงต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา คณะทำงานได้จัดการทดสอบระบบผ่านทางออนไลน์กับกลุ่มผู้ประกอบการนำร่องรวมจำนวน 6 ราย ทั้งที่เป็นผู้ผลิตรายเดี่ยว ผู้ผลิตที่เป็นกลุ่มวิสาหกิจชุมชน ผู้ส่งออก และผู้แปรรูปสินค้าเกษตรอินทรีย์ โดยมีข้อคิดเห็นให้ปรับปรุงระบบให้สอดคล้องกับการใช้งานจริงและปรับให้ใช้งานง่ายมากขึ้น รวมทั้งช่วงวันที่ 8-11 กันยายนนี้ สนค. และที่ปรึกษาโครงการฯ พร้อมด้วยเครือข่ายภาครัฐ ได้แก่ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธนาคารกรุงไทย และ GISTDA จะร่วมลงพื้นที่เพื่อทดสอบระบบกับเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และผู้ประกอบการข้าวอินทรีย์จำนวน 6 รายในจังหวัดสุรินทร์ ศรีสะเกษ ยโสธร และบุรีรัมย์  โดยตั้งเป้าว่าภายหลังการรวบรวมข้อคิดเห็นจากผู้ใช้งานจริงเพื่อนำมาปรับปรุงระบบ TraceThai.com ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นแล้ว จะได้เริ่มใช้งานระบบจริง พร้อมทั้งจัดงานสัมมนาเผยแพร่โครงการและ Roadmap แนวทางการต่อยอดโครงการระยะต่อไปในเดือนตุลาคม 2563 นี้ 

---------------------------------------------

สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า
กระทรวงพาณิชย์
7 กันยายน 2563

 

ไฟล์อัพโหลด: 

เผยแพร่เมื่อวันที่ 08 กันยายน 2563