นางสาวพิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) ได้รับเชิญเป็นวิทยากรในงานสัมมนา เรื่อง "Blockchain กับ ข้าวอินทรีย์" ร่วมกับกลุ่มนำร่องระบบ TraceThai.com จัดโดยคณะกรรมาธิการการพาณิชย์และอุตสาหกรรม วุฒิสภา เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2563 ณ โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น โดยมีผู้เข้าร่วมประมาณ 80 คน ประกอบด้วยเกษตรกรผู้ผลิตข้าว ผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องกับการค้าข้าว และผู้สนใจ
ในปัจจุบันห่วงโซ่การผลิตมีความเชื่อมโยงกันทั่วโลก ดังนั้น ความโปร่งใสและการตรวจสอบย้อนกลับได้ (Traceability) จึงเป็นประเด็นสำคัญของทั้งภาคการผลิตและส่งออก ซึ่งการตรวจสอบย้อนกลับที่เป็นระบบจะช่วยให้เกิดความน่าเชื่อถือในคุณภาพและมาตรฐานสินค้าเกษตร ยกระดับและเพิ่มมูลค่าการค้าสินค้าเกษตร ตลอดจนช่วยขยายตลาดไปยังระดับสากล
สนค. จึงได้เริ่มต้นดำเนินโครงการพัฒนาระบบตรวจสอบย้อนกลับสินค้าเกษตร (ข้าวอินทรีย์) โดยใช้เทคโนโลยี Blockchain (TraceThai.com) ที่จะมาช่วยให้การจัดเก็บข้อมูลให้เป็นไปอย่างโปร่งใส และเป็นระบบ สามารถจัดเก็บได้ตลอดทั้ง Value Chain ตั้งแต่เกษตรกร วิสาหกิจชุมชน โรงสี ผู้บรรจุภัณฑ์ ผู้แปรรูป ผู้ค้าปลีก ผู้ส่งออก ผู้นำเข้า จนถึงผู้บริโภค ซึ่งจะช่วยป้องกันการแก้ไขและปลอมแปลงข้อมูล ระบบมีความโปร่งใส และคุ้มครองความลับทางการค้า ซึ่งหัวใจสำคัญของระบบการตรวจสอบย้อนกลับที่ สนค. ให้ความสำคัญ ได้แก่
- ระบบต้องสามารถติดตามการเดินทางของสินค้าได้ (tracking)
- ระบบต้องสามารถตรวจสอบย้อนกลับไปยังต้นทางได้ (tracing)
กลุ่มนำร่องโครงการและผู้เข้าร่วมได้แสดงความคิดเห็นและข้อเสนอแนะต่อระบบโดยมีประเด็นสำคัญ ดังนี้
1. เป็นโครงการที่เป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง เนื่องจากเป็นโครงการที่นำเทคโนโลยีมาสร้างจุดเด่นให้การตรวจสอบย้อนกลับมีความโปร่งใสและน่าเชื่อถือ
2. การดำเนินโครงการใช้กลไกภายใต้แนวคิด 3 ประสาน โดยเริ่มจากภาครัฐเป็นผู้ริเริ่มโครงการ ประสานความร่วมมือภาคเอกชนในการต่อยอดการใช้งาน เพื่อให้ภาคเกษตรกรและประชาชนได้รับประโยชน์สูงสุด"
3. การใช้ระบบ TraceThai.com ช่วยให้เพิ่มมูลค่าในการแข่งขันให้ข้าวอินทรีย์ไทย ต่อคู่แข่งในตลาดโลก เนื่องจากเป็นระบบที่ได้รับการรับรองโดยรัฐ จึงมีความน่าเชื่อถือสูง
4. การทำเกษตรอินทรีย์มีกระบวนการที่ซับซ้อนและต้องอาศัยความตั้งใจอย่างมาก แต่เกษตรกรผู้ผลิตไม่สามารถสื่อสารให้กับผู้บริโภคเข้าใจได้ ซึ่งระบบ TraceThai.com จะช่วยสร้างการรับรู้ดังกล่าวต่อผู้บริโภค
5. การทำเกษตรอินทรีย์ยุคใหม่ ควรมีองค์ประกอบ 3 ประการ ได้แก่ 1) ความรู้เรื่องเกษตรอินทรีย์ 2) ความรู้เรื่องเทคโนโลยีและเครื่องมือสมัยใหม่ 3) ศาสตร์พระราชาและเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อรองรับความผันผวนของปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ทั้งสภาพเศรษฐกิจและภัยธรรมชาติ
ท้ายนี้เชื่อมั่นว่าสินค้าเกษตรอินทรีย์มีตลาดรองรับ โดยกระทรวงพาณิชย์จะช่วยเชื่อมโยงและส่งเสริมทั้งตลาดในประเทศและตลาดส่งออก ขอให้เกษตรกรและผู้ประกอบการ ตั้งใจทำให้ผลผลิตมีคุณภาพตามมาตรฐานอินทรีย์ที่ได้การรับรอง ส่วนระบบ TraceThai.com จะช่วยต่อยอดเติมเต็มความเชื่อมั่นอีกชั้น เพื่อส่งต่อสินค้าเกษตรอินทรีย์ของแท้ไปสู่ผู้บริโภคต่อไป