ภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทย ประจำเดือนสิงหาคม 2566

ภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทย ประจำเดือนสิงหาคม 2566

avatar

Administrator


935


<p style="text-align:center"><strong>ภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทย ประจำเดือนสิงหาคม 2566</strong>&nbsp;</p>

<p>&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; วันที่ 26 กันยายน 2566 เวลา 10.00 น. นายกีรติ &nbsp;รัชโน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ แถลงข่าวภาวะการค้าระหว่างประเทศ เดือนสิงหาคม 2566 และ 8 เดือนแรกของปี 2566 พร้อมด้วย ผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ ณ ห้องกิติยากรวรลักษณ์ ตึกสำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์</p>

<p>&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; <strong>การส่งออกของไทยในเดือนสิงหาคม 2566 พลิกกลับมาขยายตัวในรอบ 11 เดือน มีมูลค่า 24,279.6 ล้านเหรียญสหรัฐ (824,938 ล้านบาท) ขยายตัวร้อยละ 2.6 หากหักสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ทองคำ และยุทธปัจจัย ขยายตัวร้อยละ 3.9</strong> ได้รับแรงหนุนจากสัญญาณการฟื้นตัวของภาคการผลิตโลกที่ดีขึ้นกว่าเดือนก่อนหน้า แม้ว่าจะยังอยู่ระดับต่ำกว่าปกติ การใช้จ่ายของผู้บริโภคปรับตัวดีขึ้นตามภาคบริการของประเทศคู่ค้าที่ขยายตัวส่งผลดีต่อสินค้าส่งออกที่เกี่ยวเนื่อง รวมทั้งการส่งเสริมนโยบายพลังงานสะอาดและความต้องการสินค้าเทคโนโลยีทำให้หมวดสินค้าอุตสาหกรรมกลับมาขยายตัวอีกครั้ง ประกอบกับการอ่อนค่าของเงินบาทในระดับที่เหมาะสมส่งผลดีต่อการส่งออก ตลาดคู่ค้าสำคัญฟื้นตัวได้ดี อาทิ สหรัฐฯ จีน ญี่ปุ่น อินเดีย เกาหลีใต้ ไต้หวัน ออสเตรเลียซาอุดีอาระเบีย และแอฟริกาใต้ โดยการส่งออกของไทยในเดือนนี้ยังทำได้ดีกว่าหลายประเทศในภูมิภาค และกลับมาเกินดุลการค้าอีกครั้ง ทั้งนี้ <strong>การส่งออกไทย 8 เดือนแรกของปี 2566 หดตัวร้อยละ 4.5 และเมื่อหักสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ทองคำ และยุทธปัจจัย หดตัวร้อยละ 1.5</strong>&nbsp;</p>

<p><strong>มูลค่าการค้ารวม</strong></p>

<p>&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp;&nbsp;<strong>มูลค่าการค้าในรูปเงินดอลลาร์สหรัฐ</strong> เดือนสิงหาคม 2566<br />
&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp;&nbsp;<strong>การส่งออก</strong> มีมูลค่า 24,279.6 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 2.6 เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน<br />
&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp;&nbsp;<strong>การนำเข้า</strong> มีมูลค่า 23,919.7 ล้านเหรียญสหรัฐ หดตัวร้อยละ 12.8<br />
&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp;&nbsp;<strong>ดุลการค้า</strong> <u>เกินดุล</u> 359.9 ล้านเหรียญสหรัฐ<br />
<br />
&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp;&nbsp;<strong>ภาพรวม 8 เดือนแรกของปี 2566 </strong><br />
&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp;&nbsp;<strong>การส่งออก</strong> มีมูลค่า 187,593.1 ล้านเหรียญสหรัฐ หดตัวร้อยละ 4.5 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน<br />
&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp;&nbsp;<strong>การนำเข้า</strong> มีมูลค่า 195,518.6 ล้านเหรียญสหรัฐ หดตัวร้อยละ 5.7<br />
&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp;&nbsp;<strong>ดุลการค้า 8 เดือนแรกของปี 2566</strong> <u>ขาดดุล</u> 7,925.4 ล้านเหรียญสหรัฐ</p>

<p>&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; <strong>มูลค่าการค้าในรูปเงินบาท</strong> เดือนสิงหาคม 2566<br />
&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp;&nbsp;<strong>การส่งออก</strong> มีมูลค่า 824,938 ล้านบาท หดตัวร้อยละ 4.4 เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน<br />
&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp;&nbsp;<strong>การนำเข้า</strong> มีมูลค่า 822,476 ล้านบาท หดตัวร้อยละ 18.6<br />
&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp;&nbsp;<strong>ดุลการค้า</strong> <u>เกินดุล</u> 2,462 ล้านบาท<br />
<br />
&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp;&nbsp;<strong>ภาพรวม 8 เดือนแรกของปี 2566 </strong><br />
&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp;&nbsp;<strong>การส่งออก</strong> มีมูลค่า 6,379,734 ล้านบาท หดตัวร้อยละ 3.9 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน<br />
&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp;&nbsp;<strong>การนำเข้า</strong> มีมูลค่า 6,732,833 ล้านบาท หดตัวร้อยละ 5.3<br />
&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp;&nbsp;<strong>ดุลการค้า 8 เดือนแรกของปี 2566</strong> <u>ขาดดุล</u> 353,009 ล้านบาท</p>

<p><strong>การส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร</strong></p>

<p>&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp;&nbsp;<strong>มูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร หดตัวร้อยละ 1.5 (YoY) หดตัวต่อเนื่อง 4 เดือน โดยสินค้าอุตสาหกรรมเกษตร หดตัวร้อยละ 7.6 หดตัวต่อเนื่อง 5 เดือน แต่สินค้าเกษตรกลับมาขยายตัวในรอบ 4 เดือน ขยายตัวร้อยละ 4.2 ทั้งนี้ มีสินค้าสำคัญที่<u>ขยายตัว</u></strong> ได้แก่ <strong>ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็ง และแห้ง</strong> ขยายตัวร้อยละ 99.8 ขยายตัวต่อเนื่อง 3 เดือน (ขยายตัวในตลาดจีน มาเลเซีย สหรัฐฯ เวียดนาม และเกาหลีใต้) <strong>ข้าว</strong> ขยายตัวร้อยละ 10.8 ขยายตัวต่อเนื่อง 2 เดือน (ขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ อินโดนีเซีย มาเลเซีย โมซัมบิก และแองโกลา) <strong>สิ่งปรุงรสอาหาร</strong> ขยายตัวร้อยละ 28.6 ขยายตัวต่อเนื่อง 2 เดือน (ขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ ออสเตรเลีย ฟิลิปปินส์ เนเธอร์แลนด์ และมาเลเซีย) <strong>ผักกระป๋องและผักแปรรูป</strong> ขยายตัวร้อยละ 26.5 ขยายตัวต่อเนื่อง 7 เดือน (ขยายตัวในตลาดญี่ปุ่น สหรัฐฯ เกาหลีใต้ จีน และไต้หวัน) <strong>นมและผลิตภัณฑ์นม</strong> ขยายตัวร้อยละ 13.2 ขยายตัวต่อเนื่อง 5 เดือน (ขยายตัวในตลาดฟิลิปปินส์ กัมพูชา สิงคโปร์ เวียดนาม และลาว) <strong>ผักสด แช่เย็น แช่แข็ง และแห้ง</strong> ขยายตัวร้อยละ 22.8 ขยายตัวในรอบ 3 เดือน (ขยายตัวในตลาดญี่ปุ่น ไต้หวัน สหรัฐฯ ออสเตรเลีย และกัมพูชา)</p>

<p>&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; ขณะที่<strong>สินค้าสำคัญที่<u>หดตัว</u></strong> อาทิ <strong>ยางพารา</strong> หดตัวร้อยละ 32.9 หดตัวต่อเนื่อง 13 เดือน (หดตัวในตลาดจีน มาเลเซีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และอินเดีย แต่ขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ ตุรกี เวียดนาม โรมาเนีย และไต้หวัน) <strong>ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง</strong> หดตัวร้อยละ 12.8 หดตัวต่อเนื่อง 5 เดือน (หดตัวในตลาดจีน ไต้หวัน มาเลเซีย สหรัฐฯ และฟิลิปปินส์ แต่ขยายตัวในตลาดญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อินเดีย นิวซีแลนด์ และเวียดนาม) <strong>อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป</strong> หดตัวร้อยละ 9.7 หดตัวต่อเนื่อง 8 เดือน (หดตัวในตลาดสหรัฐฯ ออสเตรเลีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ กัมพูชา และแอฟริกาใต้ แต่ขยายตัวในตลาดญี่ปุ่น แคนาดา ซาอุดีอาระเบีย ลิเบีย และชิลี) <strong>น้ำตาลทราย</strong> หดตัวร้อยละ 23.1 หดตัวต่อเนื่อง 2 เดือน (หดตัวในตลาดอินโดนีเซีย กัมพูชา มาเลเซีย ไต้หวัน และจีน แต่ขยายตัวในตลาดฟิลิปปินส์ ลาว เกาหลีใต้ เวียดนาม และสิงคโปร์) <strong>ไก่แปรรูป</strong> หดตัวร้อยละ 12.8 หดตัวต่อเนื่อง 9 เดือน (หดตัวในตลาดญี่ปุ่น สหราชอาณาจักร เนเธอร์แลนด์ เกาหลีใต้ และเยอรมนี แต่ขยายตัวในตลาดสิงคโปร์ ไอร์แลนด์ แคนาดา ฮ่องกง และฝรั่งเศส) <strong>ไขมันและน้ำมันจากพืชและสัตว์</strong> หดตัวร้อยละ 57.4 หดตัวต่อเนื่อง 5 เดือน (หดตัวในตลาดเมียนมา มาเลเซีย กัมพูชา ญี่ปุ่น และฮ่องกง แต่ขยายตัวในตลาดเกาหลีใต้ เนเธอร์แลนด์ เวียดนาม จีน และนอร์เวย์) ทั้งนี้ <strong>8 เดือนแรกของปี 2566 การส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร หดตัวร้อยละ 3.5</strong></p>

<p><strong>การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม</strong></p>

<p>&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp;&nbsp;<strong>มูลค่าการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม ขยายตัวร้อยละ 2.5 (YoY) กลับมาขยายตัวในรอบ 3 เดือน ซึ่งมีสินค้าสำคัญที่<u>ขยายตัว</u></strong> อาทิ <strong>รถยนต์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ</strong> ขยายตัวร้อยละ 5.2 ขยายตัวต่อเนื่อง 8 เดือน (ขยายตัวในตลาดออสเตรเลีย ฟิลิปปินส์ ญี่ปุ่น มาเลเซีย และแอฟริกาใต้) <strong>แผงวงจรไฟฟ้า</strong> ขยายตัวร้อยละ 39.8 ขยายตัวต่อเนื่อง 4 เดือน (ขยายตัวในตลาดญี่ปุ่น ไต้หวัน จีน สหรัฐฯ และมาเลเซีย) <strong>เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ</strong> ขยายตัวร้อยละ 6.4 ขยายตัวต่อเนื่อง 3 เดือน (ขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ ญี่ปุ่น จีน ออสเตรเลีย และเนเธอร์แลนด์) <strong>เครื่องโทรศัพท์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ</strong> ขยายตัวร้อยละ 36.9 ขยายตัวต่อเนื่อง 3 เดือน (ขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ ฮ่องกง เม็กซิโก เนเธอร์แลนด์ และสิงคโปร์) <strong>อุปกรณ์กึ่งตัวนำ ทรานซิสเตอร์ และไดโอด</strong> ขยายตัวร้อยละ 74.5 ขยายตัวต่อเนื่อง 14 เดือน (ขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ จีน อินเดีย เกาหลีใต้ และกัมพูชา) <strong>หม้อแปลงไฟฟ้าและส่วนประกอบ</strong> ขยายตัวร้อยละ 59.1 ขยายตัวต่อเนื่อง 22 เดือน (ขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ เนเธอร์แลนด์ เม็กซิโก ญี่ปุ่น และไต้หวัน)&nbsp;</p>

<p>&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; ขณะที่<strong>สินค้าสำคัญที่<u>หดตัว</u></strong> อาทิ <strong>เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ</strong> หดตัวร้อยละ 26.9 หดตัวต่อเนื่อง 11 เดือน (หดตัวในตลาดสหรัฐฯ จีน ฮ่องกง เนเธอร์แลนด์ และมาเลเซีย แต่ขยายตัวในตลาดออสเตรเลีย อินเดีย ไต้หวัน เวียดนาม และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์) <strong>ผลิตภัณฑ์ยาง</strong> หดตัวร้อยละ 4.7 หดตัวต่อเนื่อง 9 เดือน (หดตัวในตลาดจีน ญี่ปุ่น มาเลเซีย เวียดนาม และอินเดีย แต่ขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย อินโดนีเซีย และเนเธอร์แลนด์) <strong>อัญมณีและเครื่องประดับ(ไม่รวมทองคำ)</strong> หดตัวร้อยละ 10.4 หดตัวต่อเนื่อง 2 เดือน (หดตัวในตลาดสหรัฐฯ อินเดีย เยอรมนี สหราชอาณาจักร และญี่ปุ่น แต่ขยายตัวในฮ่องกง เบลเยียม อิตาลี ออสเตรเลีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์) <strong>เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ</strong> หดตัวร้อยละ 23.4 หดตัวต่อเนื่อง 3 เดือน (หดตัวในตลาดออสเตรเลีย สหรัฐฯ สิงคโปร์ เวียดนาม และอินเดีย แต่ขยายตัวในตลาดอินโดนีเซีย ญี่ปุ่น ตุรกี เกาหลีใต้ และสหราชอาณาจักร) ทั้งนี้ <strong>8 เดือนแรกของปี 2566 การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม หดตัวร้อยละ 4.1</strong></p>

<p><strong>ตลาดส่งออกสำคัญ</strong></p>

<p>&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; ก<strong>ารส่งออกไปยังตลาดสำคัญส่วนใหญ่กลับมาขยายตัว สอดคล้องกับสัญญาณการปรับดีขึ้นของการผลิตภาคอุตสาหกรรมของโลก</strong> ทั้งนี้ ภาพรวมการส่งออกไปยังกลุ่มตลาดต่าง ๆ สรุปได้ดังนี้ <strong>(1) ตลาดหลัก ขยายตัวร้อยละ 2.3</strong> โดยขยายตัวในตลาด<u>สหรัฐฯ</u> ร้อยละ 21.7 <u>จีน</u> ร้อยละ 1.9 และ<u>ญี่ปุ่น</u> ร้อยละ 15.7 แต่ยังหดตัวต่อเนื่องในตลาด<u>อาเซียน (5)</u> <u>CLMV</u> และ<u>สหภาพยุโรป (27)</u> ร้อยละ 1.5 ร้อยละ 21.3 และร้อยละ 11.6 <strong>(2) ตลาดรอง ขยายตัวร้อยละ 2.4</strong> โดยขยายตัวในตลาด<u>ทวีปออสเตรเลีย</u> ร้อยละ 22.4 <u>แอฟริกา</u> ร้อยละ 4.9 <u>รัสเซียและกลุ่ม CIS</u> ร้อยละ 30.4 และ<u>สหราชอาณาจักร</u> ร้อยละ 10.7 ขณะที่ตลาด<u>เอเชียใต้</u> <u>ตะวันออกกลาง</u> และ<u>ลาตินอเมริกา</u> หดตัวร้อยละ 0.9 ร้อยละ 12.6 และร้อยละ 11.7 <strong>(3) ตลาดอื่น ๆ ขยายตัวร้อยละ 62.8</strong> อาทิ สวิตเซอร์แลนด์ ขยายตัวร้อยละ 53.6</p>

<p>&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; <strong>ตลาดสหรัฐฯ ขยายตัวร้อยละ 21.7</strong> (ขยายตัวต่อเนื่อง 2 เดือน) <u>สินค้าสำคัญที่ขยายตัว</u> ได้แก่ อุปกรณ์กึ่งตัวนำ ทรานซิสเตอร์ และไดโอด หม้อแปลงไฟฟ้าและส่วนประกอบ และเครื่องโทรสาร โทรศัพท์ และส่วนประกอบ เป็นต้น <u>สินค้าสำคัญที่หดตัว</u> ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ อัญมณีและเครื่องประดับ และเหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เป็นต้น ทั้งนี้ <strong>8 เดือนแรกของปี 2566</strong> ขยายตัวร้อยละ 0.1</p>

<p>&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; <strong>ตลาดจีน กลับมาขยายตัวร้อยละ 1.9</strong> <u>สินค้าสำคัญที่ขยายตัว</u> ได้แก่ ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็งและแห้ง อุปกรณ์กึ่งตัวนำ ทรานซิสเตอร์ และไดโอด และเครื่องยนต์สันดาปภายใน เป็นต้น <u>สินค้าสำคัญที่หดตัว</u> ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ยาง เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และยางพารา เป็นต้น ทั้งนี้ <strong>8 เดือนแรกของปี 2566</strong> หดตัวร้อยละ 3.0</p>

<p>&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; <strong>ตลาดญี่ปุ่น กลับมาขยายตัวร้อยละ 15.7</strong> <u>สินค้าสำคัญที่ขยายตัว</u> ได้แก่ แผงวงจรไฟฟ้า ผลิตภัณฑ์พลาสติก และรถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เป็นต้น <u>สินค้าสำคัญที่หดตัว</u> ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ไก่แปรรูป และเม็ดพลาสติก เป็นต้น ทั้งนี้ <strong>8 เดือนแรกของปี 2566</strong> ขยายตัวร้อยละ 0.8</p>

<p>&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; <strong>ตลาดอาเซียน (5) หดตัวร้อยละ 1.5</strong> (หดตัวต่อเนื่อง 3 เดือน) <u>สินค้าสำคัญที่หดตัว</u> ได้แก่ น้ำตาลทราย เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และเหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เป็นต้น <u>สินค้าสำคัญที่ขยายตัว</u> ได้แก่ น้ำมันสำเร็จรูป ข้าว และรถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เป็นต้น ทั้งนี้ 8 เดือนแรกของปี 2566 หดตัวร้อยละ 8.2</p>

<p>&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; <strong>ตลาด CLMV หดตัวร้อยละ 21.3</strong> (หดตัวต่อเนื่อง 10 เดือน) <u>สินค้าสำคัญที่หดตัว</u> ได้แก่ อัญมณีและเครื่องประดับ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และเครื่องดื่ม เป็นต้น <u>สินค้าสำคัญที่ขยายตัว</u> ได้แก่ น้ำมันสำเร็จรูป ทองแดงและของทำด้วยทองแดง และน้ำตาลทราย เป็นต้น ทั้งนี้ <strong>8 เดือนแรกของปี 2566</strong> หดตัวร้อยละ 16.0</p>

<p>&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; <strong>ตลาดสหภาพยุโรป (27) หดตัวร้อยละ 11.6</strong> (หดตัวต่อเนื่อง 3 เดือน) <u>สินค้าสำคัญที่หดตัว</u> ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ และรถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เป็นต้น <u>สินค้าสำคัญที่ขยายตัว</u> ได้แก่ หม้อแปลงไฟฟ้าและส่วนประกอบ เครื่องรับวิทยุ โทรทัศน์ และส่วนประกอบ และแผงวงจรไฟฟ้า เป็นต้น ทั้งนี้ <strong>8 เดือนแรกของปี 2566</strong> หดตัวร้อยละ 4.1</p>

<p>&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; <strong>ตลาดเอเชียใต้ หดตัวร้อยละ 0.9</strong> (หดตัวต่อเนื่อง 13 เดือน) <u>สินค้าสำคัญที่หดตัว</u> ได้แก่ อัญมณีและเครื่องประดับ ผลิตภัณฑ์อลูมิเนียม และยางพารา เป็นต้น <u>สินค้าสำคัญที่ขยายตัว</u> ได้แก่ เคมีภัณฑ์ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ และทองแดงและของทำด้วยทองแดง ทั้งนี้ <strong>8 เดือนแรกของปี 2566</strong> หดตัวร้อยละ 12.7&nbsp;</p>

<p>&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; <strong>ตลาดทวีปออสเตรเลีย (25) ขยายตัวร้อยละ 22.4</strong> (ขยายตัวต่อเนื่อง 5 เดือน) <u>สินค้าสำคัญที่ขยายตัว</u> ได้แก่ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และเครื่องยนต์สันดาปภายใน เป็นต้น <u>สินค้าสำคัญที่หดตัว</u> ได้แก่ อัญมณีและเครื่องประดับ อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป และผลิตภัณฑ์พลาสติก เป็นต้น ทั้งนี้ <strong>8 เดือนแรกของปี 2566</strong> ขยายตัวร้อยละ 0.8</p>

<p>&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; <strong>ตลาดตะวันออกกลาง (15) กลับมาหดตัวร้อยละ 12.6</strong> <u>สินค้าสำคัญที่หดตัว</u> ได้แก่ ข้าว รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และเครื่องโทรสาร โทรศัพท์ และส่วนประกอบ เป็นต้น <u>สินค้าสำคัญที่ขยายตัว</u> ได้แก่ ยางพารา เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ และตู้เย็น ตู้แช่แข็งและส่วนประกอบ เป็นต้น ทั้งนี้ <strong>8 เดือนแรกของปี 2566</strong> ขยายตัวร้อยละ 3.1&nbsp;</p>

<p>&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; <strong>ตลาดแอฟริกา (57) ขยายตัวร้อยละ 4.9</strong> (ขยายตัวต่อเนื่อง 2 เดือน) <u>สินค้าสำคัญที่ขยายตัว</u> ได้แก่ เครื่องยนต์สันดาปภายใน รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และข้าว เป็นต้น <u>สินค้าสำคัญที่หดตัว</u> ได้แก่ เคมีภัณฑ์ อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป และเม็ดพลาสติก เป็นต้น ทั้งนี้ <strong>8 เดือนแรกของปี 2566</strong> ขยายตัวร้อยละ 0.5</p>

<p>&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; <strong>ตลาดลาตินอเมริกา (47)</strong> กลับมาหดตัวร้อยละ 11.7 <u>สินค้าสำคัญที่หดตัว</u> ได้แก่ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องยนต์สันดาปภายใน และเครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เป็นต้น <u>สินค้าสำคัญที่ขยายตัว</u> ได้แก่ เครื่องโทรสาร โทรศัพท์ และส่วนประกอบ เครื่องซักผ้าและเครื่องซักแห้งและส่วนประกอบ และเครื่องใช้ไฟฟ้าและส่วนประกอบ เป็นต้น ทั้งนี้ <strong>8 เดือนแรกของปี 2566</strong> หดตัวร้อยละ 2.9</p>

<p>&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; <strong>ตลาดรัสเซียและกลุ่มประเทศ CIS ขยายตัวร้อยละ 30.4</strong> (ขยายตัวต่อเนื่อง 6 เดือน) <u>สินค้าสำคัญที่ขยายตัว</u> ได้แก่ อากาศยาน ยานอวกาศ และส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์ยาง และเครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เป็นต้น <u>สินค้าสำคัญที่หดตัว</u> ได้แก่ เม็ดพลาสติก ผลไม้กระป๋องและแปรรูป และอาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป เป็นต้น ทั้งนี้&nbsp;8 เดือนแรกของปี 2566 ขยายตัวร้อยละ 39.7</p>

<p>&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; <strong>ตลาดสหราชอาณาจักร ขยายตัวร้อยละ 10.7</strong> (ขยายตัวต่อเนื่อง 6 เดือน) <u>สินค้าสำคัญที่ขยายตัว</u> ได้แก่ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องดื่ม และเหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เป็นต้น <u>สินค้าสำคัญที่หดตัว</u> ได้แก่ ไก่แปรรูป เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ และรถจักรยานยนต์และส่วนประกอบ เป็นต้น ทั้งนี้ <strong>8 เดือนแรกของปี 2566</strong> ขยายตัวร้อยละ 10.4</p>

<p><strong>การส่งเสริมการส่งออกของกระทรวงพาณิชย์ และแนวโน้มการส่งออกระยะถัดไป</strong></p>

<p>&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; <strong>สำหรับแผนการส่งเสริมการส่งออกในช่วงที่เหลือของปี 2566 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้มอบนโยบายแก่ผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ พาณิชย์จังหวัด และทูตพาณิชย์ทั่วโลก เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2566 ที่ผ่านมา</strong> โดยยังคงให้รักษาเป้าหมายการส่งออกในปี 2566 ไว้อยู่ที่ร้อยละ 1 - 2 และมีนโยบาย &ldquo;เร่งขยับตัวเลขการส่งออก เปลี่ยนจากติดลบให้เป็นบวก&rdquo; โดย (1) ใช้ประโยชน์จาก Soft Power สร้างเรื่องราวให้กับสินค้าและบริการไทยโดยเชื่อมโยงกับภาคบริการและการท่องเที่ยว (2) จัดทำและนำข้อมูลมาใช้วิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภคเชิงลึกในตลาดทั่วโลก เพื่อนำมาพัฒนาสินค้าให้ตอบสนองความต้องการ (3) แก้ไขปัญหาและอุปสรรคการค้าชายแดน เป็นปัญหาคอขวดและเป็นอุปสรรคต่อสินค้าไทยตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ (4) ผลักดันและสร้างระบบนิเวศน์ในการยกระดับผู้ให้บริการโลจิสติกส์ไทย เป็นผู้ให้บริการระดับภูมิภาค นอกจากนี้มีนโยบาย &ldquo;ผลักดันให้มีการใช้ประโยชน์จาก FTA&rdquo; โดยให้ภาครัฐเข้าไปช่วยเหลือผู้ประกอบการในการปรับตัว สร้างความรู้ความเข้าใจ โดยเฉพาะผู้ประกอบการรายเล็ก และเตรียมความพร้อมให้ดำเนินธุรกิจสอดรับกับกฎกติกาใหม่ ๆ ของโลก เช่น Carbon Credit BCG และ SDGs เป็นต้น อีกทั้งได้มอบหมายให้พาณิชย์จังหวัดและทูตพาณิชย์ วางแผนยุทธศาสตร์หรือแผนบริหารจัดการสินค้าอย่างครบวงจรร่วมกัน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อ &ldquo;รักษาตลาดเดิม เสริมตลาดใหม่&rdquo; และเพิ่มบทบาท &ldquo;พาณิชย์คู่คิด SME&rdquo; ให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการรายเล็กให้สามารถส่งออกได้</p>

<p>&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; <strong>แนวโน้มการส่งออกในระยะถัดไป</strong> กระทรวงพาณิชย์ ประเมินว่า การส่งออกในช่วงที่เหลือของปี จะมีแนวโน้มการฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป สินค้าที่เกี่ยวข้องกับเมกะเทรนส์ด้านพลังงานสะอาด และเทคโนโลยีดิจิทัลมีทิศทางที่ขยายตัวได้ดี ส่วนความต้องการสินค้าเกษตรและอาหารที่เป็นสินค้าศักยภาพของไทยขยายตัวอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งในช่วงปลายปีมูลค่าการส่งออกมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากคำสั่งซื้อสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับเทศกาลเฉลิมฉลองในประเทศคู่ค้า สำหรับภาพรวมตลาดส่งออกเริ่มเห็นการฟื้นตัวของตลาดหลัก อย่างสหรัฐฯ จีน และญี่ปุ่น กลับมาบวก ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดี และตลาดส่งออกใหม่ ๆ ที่ยังคงขยายตัวต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกจากการคงอัตราดอกเบี้ยระดับสูงยาวนานที่จะชะลอการผลิตและการบริโภคสินค้าโดยเฉพาะสินค้าที่ไม่จำเป็น ภาวะภัยแล้งที่อาจจะกระทบต่อผลผลิตเพื่อการส่งออก และปัญหาความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะยุติ ล้วนเป็นปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบต่อมูลค่าการส่งออกแทบทั้งสิ้น ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไป</p>

<p style="text-align:center">--------------------------------------------</p>

<p>สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า</p>

<p>กระทรวงพาณิชย์</p>

<p>26 กันยายน 2566</p>

<p><img src="https://uploads.tpso.go.th/image-20230926131843-1.jpeg" /></p>

<p><img src="https://uploads.tpso.go.th/image-20230926131901-2.jpeg" /></p>

<p><img src="https://uploads.tpso.go.th/image-20230926131909-3.jpeg" /></p>

<p><img src="https://uploads.tpso.go.th/image-20230926131915-4.jpeg" /></p>

<p><img src="https://uploads.tpso.go.th/image-20230926131922-5.jpeg" /></p>

ภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทย ประจำเดือนสิงหาคม 2566 

                  วันที่ 26 กันยายน 2566 เวลา 10.00 น. นายกีรติ  รัชโน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ แถลงข่าวภาวะการค้าระหว่างประเทศ เดือนสิงหาคม 2566 และ 8 เดือนแรกของปี 2566 พร้อมด้วย ผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ ณ ห้องกิติยากรวรลักษณ์ ตึกสำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์

                  การส่งออกของไทยในเดือนสิงหาคม 2566 พลิกกลับมาขยายตัวในรอบ 11 เดือน มีมูลค่า 24,279.6 ล้านเหรียญสหรัฐ (824,938 ล้านบาท) ขยายตัวร้อยละ 2.6 หากหักสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ทองคำ และยุทธปัจจัย ขยายตัวร้อยละ 3.9 ได้รับแรงหนุนจากสัญญาณการฟื้นตัวของภาคการผลิตโลกที่ดีขึ้นกว่าเดือนก่อนหน้า แม้ว่าจะยังอยู่ระดับต่ำกว่าปกติ การใช้จ่ายของผู้บริโภคปรับตัวดีขึ้นตามภาคบริการของประเทศคู่ค้าที่ขยายตัวส่งผลดีต่อสินค้าส่งออกที่เกี่ยวเนื่อง รวมทั้งการส่งเสริมนโยบายพลังงานสะอาดและความต้องการสินค้าเทคโนโลยีทำให้หมวดสินค้าอุตสาหกรรมกลับมาขยายตัวอีกครั้ง ประกอบกับการอ่อนค่าของเงินบาทในระดับที่เหมาะสมส่งผลดีต่อการส่งออก ตลาดคู่ค้าสำคัญฟื้นตัวได้ดี อาทิ สหรัฐฯ จีน ญี่ปุ่น อินเดีย เกาหลีใต้ ไต้หวัน ออสเตรเลียซาอุดีอาระเบีย และแอฟริกาใต้ โดยการส่งออกของไทยในเดือนนี้ยังทำได้ดีกว่าหลายประเทศในภูมิภาค และกลับมาเกินดุลการค้าอีกครั้ง ทั้งนี้ การส่งออกไทย 8 เดือนแรกของปี 2566 หดตัวร้อยละ 4.5 และเมื่อหักสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ทองคำ และยุทธปัจจัย หดตัวร้อยละ 1.5 

มูลค่าการค้ารวม

                  มูลค่าการค้าในรูปเงินดอลลาร์สหรัฐ เดือนสิงหาคม 2566
                  การส่งออก มีมูลค่า 24,279.6 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 2.6 เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน
                  การนำเข้า มีมูลค่า 23,919.7 ล้านเหรียญสหรัฐ หดตัวร้อยละ 12.8
                  ดุลการค้า เกินดุล 359.9 ล้านเหรียญสหรัฐ

                  ภาพรวม 8 เดือนแรกของปี 2566
                  การส่งออก มีมูลค่า 187,593.1 ล้านเหรียญสหรัฐ หดตัวร้อยละ 4.5 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
                  การนำเข้า มีมูลค่า 195,518.6 ล้านเหรียญสหรัฐ หดตัวร้อยละ 5.7
                  ดุลการค้า 8 เดือนแรกของปี 2566 ขาดดุล 7,925.4 ล้านเหรียญสหรัฐ

                  มูลค่าการค้าในรูปเงินบาท เดือนสิงหาคม 2566
                  การส่งออก มีมูลค่า 824,938 ล้านบาท หดตัวร้อยละ 4.4 เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน
                  การนำเข้า มีมูลค่า 822,476 ล้านบาท หดตัวร้อยละ 18.6
                  ดุลการค้า เกินดุล 2,462 ล้านบาท

                  ภาพรวม 8 เดือนแรกของปี 2566
                  การส่งออก มีมูลค่า 6,379,734 ล้านบาท หดตัวร้อยละ 3.9 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
                  การนำเข้า มีมูลค่า 6,732,833 ล้านบาท หดตัวร้อยละ 5.3
                  ดุลการค้า 8 เดือนแรกของปี 2566 ขาดดุล 353,009 ล้านบาท

การส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร

                  มูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร หดตัวร้อยละ 1.5 (YoY) หดตัวต่อเนื่อง 4 เดือน โดยสินค้าอุตสาหกรรมเกษตร หดตัวร้อยละ 7.6 หดตัวต่อเนื่อง 5 เดือน แต่สินค้าเกษตรกลับมาขยายตัวในรอบ 4 เดือน ขยายตัวร้อยละ 4.2 ทั้งนี้ มีสินค้าสำคัญที่ขยายตัว ได้แก่ ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็ง และแห้ง ขยายตัวร้อยละ 99.8 ขยายตัวต่อเนื่อง 3 เดือน (ขยายตัวในตลาดจีน มาเลเซีย สหรัฐฯ เวียดนาม และเกาหลีใต้) ข้าว ขยายตัวร้อยละ 10.8 ขยายตัวต่อเนื่อง 2 เดือน (ขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ อินโดนีเซีย มาเลเซีย โมซัมบิก และแองโกลา) สิ่งปรุงรสอาหาร ขยายตัวร้อยละ 28.6 ขยายตัวต่อเนื่อง 2 เดือน (ขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ ออสเตรเลีย ฟิลิปปินส์ เนเธอร์แลนด์ และมาเลเซีย) ผักกระป๋องและผักแปรรูป ขยายตัวร้อยละ 26.5 ขยายตัวต่อเนื่อง 7 เดือน (ขยายตัวในตลาดญี่ปุ่น สหรัฐฯ เกาหลีใต้ จีน และไต้หวัน) นมและผลิตภัณฑ์นม ขยายตัวร้อยละ 13.2 ขยายตัวต่อเนื่อง 5 เดือน (ขยายตัวในตลาดฟิลิปปินส์ กัมพูชา สิงคโปร์ เวียดนาม และลาว) ผักสด แช่เย็น แช่แข็ง และแห้ง ขยายตัวร้อยละ 22.8 ขยายตัวในรอบ 3 เดือน (ขยายตัวในตลาดญี่ปุ่น ไต้หวัน สหรัฐฯ ออสเตรเลีย และกัมพูชา)

                  ขณะที่สินค้าสำคัญที่หดตัว อาทิ ยางพารา หดตัวร้อยละ 32.9 หดตัวต่อเนื่อง 13 เดือน (หดตัวในตลาดจีน มาเลเซีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และอินเดีย แต่ขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ ตุรกี เวียดนาม โรมาเนีย และไต้หวัน) ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง หดตัวร้อยละ 12.8 หดตัวต่อเนื่อง 5 เดือน (หดตัวในตลาดจีน ไต้หวัน มาเลเซีย สหรัฐฯ และฟิลิปปินส์ แต่ขยายตัวในตลาดญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อินเดีย นิวซีแลนด์ และเวียดนาม) อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป หดตัวร้อยละ 9.7 หดตัวต่อเนื่อง 8 เดือน (หดตัวในตลาดสหรัฐฯ ออสเตรเลีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ กัมพูชา และแอฟริกาใต้ แต่ขยายตัวในตลาดญี่ปุ่น แคนาดา ซาอุดีอาระเบีย ลิเบีย และชิลี) น้ำตาลทราย หดตัวร้อยละ 23.1 หดตัวต่อเนื่อง 2 เดือน (หดตัวในตลาดอินโดนีเซีย กัมพูชา มาเลเซีย ไต้หวัน และจีน แต่ขยายตัวในตลาดฟิลิปปินส์ ลาว เกาหลีใต้ เวียดนาม และสิงคโปร์) ไก่แปรรูป หดตัวร้อยละ 12.8 หดตัวต่อเนื่อง 9 เดือน (หดตัวในตลาดญี่ปุ่น สหราชอาณาจักร เนเธอร์แลนด์ เกาหลีใต้ และเยอรมนี แต่ขยายตัวในตลาดสิงคโปร์ ไอร์แลนด์ แคนาดา ฮ่องกง และฝรั่งเศส) ไขมันและน้ำมันจากพืชและสัตว์ หดตัวร้อยละ 57.4 หดตัวต่อเนื่อง 5 เดือน (หดตัวในตลาดเมียนมา มาเลเซีย กัมพูชา ญี่ปุ่น และฮ่องกง แต่ขยายตัวในตลาดเกาหลีใต้ เนเธอร์แลนด์ เวียดนาม จีน และนอร์เวย์) ทั้งนี้ 8 เดือนแรกของปี 2566 การส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร หดตัวร้อยละ 3.5

การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม

                  มูลค่าการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม ขยายตัวร้อยละ 2.5 (YoY) กลับมาขยายตัวในรอบ 3 เดือน ซึ่งมีสินค้าสำคัญที่ขยายตัว อาทิ รถยนต์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ ขยายตัวร้อยละ 5.2 ขยายตัวต่อเนื่อง 8 เดือน (ขยายตัวในตลาดออสเตรเลีย ฟิลิปปินส์ ญี่ปุ่น มาเลเซีย และแอฟริกาใต้) แผงวงจรไฟฟ้า ขยายตัวร้อยละ 39.8 ขยายตัวต่อเนื่อง 4 เดือน (ขยายตัวในตลาดญี่ปุ่น ไต้หวัน จีน สหรัฐฯ และมาเลเซีย) เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ ขยายตัวร้อยละ 6.4 ขยายตัวต่อเนื่อง 3 เดือน (ขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ ญี่ปุ่น จีน ออสเตรเลีย และเนเธอร์แลนด์) เครื่องโทรศัพท์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ขยายตัวร้อยละ 36.9 ขยายตัวต่อเนื่อง 3 เดือน (ขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ ฮ่องกง เม็กซิโก เนเธอร์แลนด์ และสิงคโปร์) อุปกรณ์กึ่งตัวนำ ทรานซิสเตอร์ และไดโอด ขยายตัวร้อยละ 74.5 ขยายตัวต่อเนื่อง 14 เดือน (ขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ จีน อินเดีย เกาหลีใต้ และกัมพูชา) หม้อแปลงไฟฟ้าและส่วนประกอบ ขยายตัวร้อยละ 59.1 ขยายตัวต่อเนื่อง 22 เดือน (ขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ เนเธอร์แลนด์ เม็กซิโก ญี่ปุ่น และไต้หวัน) 

                  ขณะที่สินค้าสำคัญที่หดตัว อาทิ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ หดตัวร้อยละ 26.9 หดตัวต่อเนื่อง 11 เดือน (หดตัวในตลาดสหรัฐฯ จีน ฮ่องกง เนเธอร์แลนด์ และมาเลเซีย แต่ขยายตัวในตลาดออสเตรเลีย อินเดีย ไต้หวัน เวียดนาม และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์) ผลิตภัณฑ์ยาง หดตัวร้อยละ 4.7 หดตัวต่อเนื่อง 9 เดือน (หดตัวในตลาดจีน ญี่ปุ่น มาเลเซีย เวียดนาม และอินเดีย แต่ขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย อินโดนีเซีย และเนเธอร์แลนด์) อัญมณีและเครื่องประดับ(ไม่รวมทองคำ) หดตัวร้อยละ 10.4 หดตัวต่อเนื่อง 2 เดือน (หดตัวในตลาดสหรัฐฯ อินเดีย เยอรมนี สหราชอาณาจักร และญี่ปุ่น แต่ขยายตัวในฮ่องกง เบลเยียม อิตาลี ออสเตรเลีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์) เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ หดตัวร้อยละ 23.4 หดตัวต่อเนื่อง 3 เดือน (หดตัวในตลาดออสเตรเลีย สหรัฐฯ สิงคโปร์ เวียดนาม และอินเดีย แต่ขยายตัวในตลาดอินโดนีเซีย ญี่ปุ่น ตุรกี เกาหลีใต้ และสหราชอาณาจักร) ทั้งนี้ 8 เดือนแรกของปี 2566 การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม หดตัวร้อยละ 4.1

ตลาดส่งออกสำคัญ

                  การส่งออกไปยังตลาดสำคัญส่วนใหญ่กลับมาขยายตัว สอดคล้องกับสัญญาณการปรับดีขึ้นของการผลิตภาคอุตสาหกรรมของโลก ทั้งนี้ ภาพรวมการส่งออกไปยังกลุ่มตลาดต่าง ๆ สรุปได้ดังนี้ (1) ตลาดหลัก ขยายตัวร้อยละ 2.3 โดยขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ ร้อยละ 21.7 จีน ร้อยละ 1.9 และญี่ปุ่น ร้อยละ 15.7 แต่ยังหดตัวต่อเนื่องในตลาดอาเซียน (5) CLMV และสหภาพยุโรป (27) ร้อยละ 1.5 ร้อยละ 21.3 และร้อยละ 11.6 (2) ตลาดรอง ขยายตัวร้อยละ 2.4 โดยขยายตัวในตลาดทวีปออสเตรเลีย ร้อยละ 22.4 แอฟริกา ร้อยละ 4.9 รัสเซียและกลุ่ม CIS ร้อยละ 30.4 และสหราชอาณาจักร ร้อยละ 10.7 ขณะที่ตลาดเอเชียใต้ ตะวันออกกลาง และลาตินอเมริกา หดตัวร้อยละ 0.9 ร้อยละ 12.6 และร้อยละ 11.7 (3) ตลาดอื่น ๆ ขยายตัวร้อยละ 62.8 อาทิ สวิตเซอร์แลนด์ ขยายตัวร้อยละ 53.6

                  ตลาดสหรัฐฯ ขยายตัวร้อยละ 21.7 (ขยายตัวต่อเนื่อง 2 เดือน) สินค้าสำคัญที่ขยายตัว ได้แก่ อุปกรณ์กึ่งตัวนำ ทรานซิสเตอร์ และไดโอด หม้อแปลงไฟฟ้าและส่วนประกอบ และเครื่องโทรสาร โทรศัพท์ และส่วนประกอบ เป็นต้น สินค้าสำคัญที่หดตัว ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ อัญมณีและเครื่องประดับ และเหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เป็นต้น ทั้งนี้ 8 เดือนแรกของปี 2566 ขยายตัวร้อยละ 0.1

                  ตลาดจีน กลับมาขยายตัวร้อยละ 1.9 สินค้าสำคัญที่ขยายตัว ได้แก่ ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็งและแห้ง อุปกรณ์กึ่งตัวนำ ทรานซิสเตอร์ และไดโอด และเครื่องยนต์สันดาปภายใน เป็นต้น สินค้าสำคัญที่หดตัว ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ยาง เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และยางพารา เป็นต้น ทั้งนี้ 8 เดือนแรกของปี 2566 หดตัวร้อยละ 3.0

                  ตลาดญี่ปุ่น กลับมาขยายตัวร้อยละ 15.7 สินค้าสำคัญที่ขยายตัว ได้แก่ แผงวงจรไฟฟ้า ผลิตภัณฑ์พลาสติก และรถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เป็นต้น สินค้าสำคัญที่หดตัว ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ไก่แปรรูป และเม็ดพลาสติก เป็นต้น ทั้งนี้ 8 เดือนแรกของปี 2566 ขยายตัวร้อยละ 0.8

                  ตลาดอาเซียน (5) หดตัวร้อยละ 1.5 (หดตัวต่อเนื่อง 3 เดือน) สินค้าสำคัญที่หดตัว ได้แก่ น้ำตาลทราย เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และเหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เป็นต้น สินค้าสำคัญที่ขยายตัว ได้แก่ น้ำมันสำเร็จรูป ข้าว และรถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เป็นต้น ทั้งนี้ 8 เดือนแรกของปี 2566 หดตัวร้อยละ 8.2

                  ตลาด CLMV หดตัวร้อยละ 21.3 (หดตัวต่อเนื่อง 10 เดือน) สินค้าสำคัญที่หดตัว ได้แก่ อัญมณีและเครื่องประดับ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และเครื่องดื่ม เป็นต้น สินค้าสำคัญที่ขยายตัว ได้แก่ น้ำมันสำเร็จรูป ทองแดงและของทำด้วยทองแดง และน้ำตาลทราย เป็นต้น ทั้งนี้ 8 เดือนแรกของปี 2566 หดตัวร้อยละ 16.0

                  ตลาดสหภาพยุโรป (27) หดตัวร้อยละ 11.6 (หดตัวต่อเนื่อง 3 เดือน) สินค้าสำคัญที่หดตัว ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ และรถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เป็นต้น สินค้าสำคัญที่ขยายตัว ได้แก่ หม้อแปลงไฟฟ้าและส่วนประกอบ เครื่องรับวิทยุ โทรทัศน์ และส่วนประกอบ และแผงวงจรไฟฟ้า เป็นต้น ทั้งนี้ 8 เดือนแรกของปี 2566 หดตัวร้อยละ 4.1

                  ตลาดเอเชียใต้ หดตัวร้อยละ 0.9 (หดตัวต่อเนื่อง 13 เดือน) สินค้าสำคัญที่หดตัว ได้แก่ อัญมณีและเครื่องประดับ ผลิตภัณฑ์อลูมิเนียม และยางพารา เป็นต้น สินค้าสำคัญที่ขยายตัว ได้แก่ เคมีภัณฑ์ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ และทองแดงและของทำด้วยทองแดง ทั้งนี้ 8 เดือนแรกของปี 2566 หดตัวร้อยละ 12.7 

                  ตลาดทวีปออสเตรเลีย (25) ขยายตัวร้อยละ 22.4 (ขยายตัวต่อเนื่อง 5 เดือน) สินค้าสำคัญที่ขยายตัว ได้แก่ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และเครื่องยนต์สันดาปภายใน เป็นต้น สินค้าสำคัญที่หดตัว ได้แก่ อัญมณีและเครื่องประดับ อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป และผลิตภัณฑ์พลาสติก เป็นต้น ทั้งนี้ 8 เดือนแรกของปี 2566 ขยายตัวร้อยละ 0.8

                  ตลาดตะวันออกกลาง (15) กลับมาหดตัวร้อยละ 12.6 สินค้าสำคัญที่หดตัว ได้แก่ ข้าว รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และเครื่องโทรสาร โทรศัพท์ และส่วนประกอบ เป็นต้น สินค้าสำคัญที่ขยายตัว ได้แก่ ยางพารา เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ และตู้เย็น ตู้แช่แข็งและส่วนประกอบ เป็นต้น ทั้งนี้ 8 เดือนแรกของปี 2566 ขยายตัวร้อยละ 3.1 

                  ตลาดแอฟริกา (57) ขยายตัวร้อยละ 4.9 (ขยายตัวต่อเนื่อง 2 เดือน) สินค้าสำคัญที่ขยายตัว ได้แก่ เครื่องยนต์สันดาปภายใน รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และข้าว เป็นต้น สินค้าสำคัญที่หดตัว ได้แก่ เคมีภัณฑ์ อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป และเม็ดพลาสติก เป็นต้น ทั้งนี้ 8 เดือนแรกของปี 2566 ขยายตัวร้อยละ 0.5

                  ตลาดลาตินอเมริกา (47) กลับมาหดตัวร้อยละ 11.7 สินค้าสำคัญที่หดตัว ได้แก่ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องยนต์สันดาปภายใน และเครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เป็นต้น สินค้าสำคัญที่ขยายตัว ได้แก่ เครื่องโทรสาร โทรศัพท์ และส่วนประกอบ เครื่องซักผ้าและเครื่องซักแห้งและส่วนประกอบ และเครื่องใช้ไฟฟ้าและส่วนประกอบ เป็นต้น ทั้งนี้ 8 เดือนแรกของปี 2566 หดตัวร้อยละ 2.9

                  ตลาดรัสเซียและกลุ่มประเทศ CIS ขยายตัวร้อยละ 30.4 (ขยายตัวต่อเนื่อง 6 เดือน) สินค้าสำคัญที่ขยายตัว ได้แก่ อากาศยาน ยานอวกาศ และส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์ยาง และเครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เป็นต้น สินค้าสำคัญที่หดตัว ได้แก่ เม็ดพลาสติก ผลไม้กระป๋องและแปรรูป และอาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป เป็นต้น ทั้งนี้ 8 เดือนแรกของปี 2566 ขยายตัวร้อยละ 39.7

                  ตลาดสหราชอาณาจักร ขยายตัวร้อยละ 10.7 (ขยายตัวต่อเนื่อง 6 เดือน) สินค้าสำคัญที่ขยายตัว ได้แก่ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องดื่ม และเหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เป็นต้น สินค้าสำคัญที่หดตัว ได้แก่ ไก่แปรรูป เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ และรถจักรยานยนต์และส่วนประกอบ เป็นต้น ทั้งนี้ 8 เดือนแรกของปี 2566 ขยายตัวร้อยละ 10.4

การส่งเสริมการส่งออกของกระทรวงพาณิชย์ และแนวโน้มการส่งออกระยะถัดไป

                  สำหรับแผนการส่งเสริมการส่งออกในช่วงที่เหลือของปี 2566 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้มอบนโยบายแก่ผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ พาณิชย์จังหวัด และทูตพาณิชย์ทั่วโลก เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2566 ที่ผ่านมา โดยยังคงให้รักษาเป้าหมายการส่งออกในปี 2566 ไว้อยู่ที่ร้อยละ 1 - 2 และมีนโยบาย “เร่งขยับตัวเลขการส่งออก เปลี่ยนจากติดลบให้เป็นบวก” โดย (1) ใช้ประโยชน์จาก Soft Power สร้างเรื่องราวให้กับสินค้าและบริการไทยโดยเชื่อมโยงกับภาคบริการและการท่องเที่ยว (2) จัดทำและนำข้อมูลมาใช้วิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภคเชิงลึกในตลาดทั่วโลก เพื่อนำมาพัฒนาสินค้าให้ตอบสนองความต้องการ (3) แก้ไขปัญหาและอุปสรรคการค้าชายแดน เป็นปัญหาคอขวดและเป็นอุปสรรคต่อสินค้าไทยตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ (4) ผลักดันและสร้างระบบนิเวศน์ในการยกระดับผู้ให้บริการโลจิสติกส์ไทย เป็นผู้ให้บริการระดับภูมิภาค นอกจากนี้มีนโยบาย “ผลักดันให้มีการใช้ประโยชน์จาก FTA” โดยให้ภาครัฐเข้าไปช่วยเหลือผู้ประกอบการในการปรับตัว สร้างความรู้ความเข้าใจ โดยเฉพาะผู้ประกอบการรายเล็ก และเตรียมความพร้อมให้ดำเนินธุรกิจสอดรับกับกฎกติกาใหม่ ๆ ของโลก เช่น Carbon Credit BCG และ SDGs เป็นต้น อีกทั้งได้มอบหมายให้พาณิชย์จังหวัดและทูตพาณิชย์ วางแผนยุทธศาสตร์หรือแผนบริหารจัดการสินค้าอย่างครบวงจรร่วมกัน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อ “รักษาตลาดเดิม เสริมตลาดใหม่” และเพิ่มบทบาท “พาณิชย์คู่คิด SME” ให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการรายเล็กให้สามารถส่งออกได้

                  แนวโน้มการส่งออกในระยะถัดไป กระทรวงพาณิชย์ ประเมินว่า การส่งออกในช่วงที่เหลือของปี จะมีแนวโน้มการฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป สินค้าที่เกี่ยวข้องกับเมกะเทรนส์ด้านพลังงานสะอาด และเทคโนโลยีดิจิทัลมีทิศทางที่ขยายตัวได้ดี ส่วนความต้องการสินค้าเกษตรและอาหารที่เป็นสินค้าศักยภาพของไทยขยายตัวอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งในช่วงปลายปีมูลค่าการส่งออกมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากคำสั่งซื้อสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับเทศกาลเฉลิมฉลองในประเทศคู่ค้า สำหรับภาพรวมตลาดส่งออกเริ่มเห็นการฟื้นตัวของตลาดหลัก อย่างสหรัฐฯ จีน และญี่ปุ่น กลับมาบวก ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดี และตลาดส่งออกใหม่ ๆ ที่ยังคงขยายตัวต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกจากการคงอัตราดอกเบี้ยระดับสูงยาวนานที่จะชะลอการผลิตและการบริโภคสินค้าโดยเฉพาะสินค้าที่ไม่จำเป็น ภาวะภัยแล้งที่อาจจะกระทบต่อผลผลิตเพื่อการส่งออก และปัญหาความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะยุติ ล้วนเป็นปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบต่อมูลค่าการส่งออกแทบทั้งสิ้น ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไป

--------------------------------------------

สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า

กระทรวงพาณิชย์

26 กันยายน 2566

เผยแพร่เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2566