ภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทย ประจำเดือนตุลาคม 2566

ภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทย ประจำเดือนตุลาคม 2566

avatar

Administrator


866


<p style="text-align:center"><strong>ภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทย ประจำเดือนตุลาคม 2566</strong>&nbsp;</p>

<p>&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp;วันที่ 27 พฤศจิกายน 2566 เวลา 10.00 น. นายกีรติ &nbsp;รัชโน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ แถลงข่าวภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทย เดือนตุลาคม 2566 และ 10 เดือนแรกของปี 2566 พร้อมด้วย นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) ผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ ณ ห้องกิติยากรวรลักษณ์ ตึกสำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์</p>

<p>&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp;<strong>การส่งออกของไทยในเดือนตุลาคม 2566 มีมูลค่า 23,578.8 ล้านเหรียญสหรัฐ (841,366 ล้านบาท) ขยายตัวร้อยละ 8.0 หากหักสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ทองคำ และยุทธปัจจัย ขยายตัวร้อยละ 5.4</strong> การส่งออกของโลกมีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี โดยการส่งออกของไทยในเดือนนี้ขยายตัวมากกว่าที่คาดและมากกว่าหลายประเทศในอาเซียน มีสัญญาณฟื้นตัวในหลายสินค้าสำคัญที่กลับมาเป็นบวกหรือหดตัวชะลอลง อาทิ เครื่องคอมพิวเตอร์ เม็ดพลาสติก ผลิตภัณฑ์ยาง อาหารสัตว์เลี้ยง เฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน ฯลฯ ด้วยแรงหนุนจากอุปสงค์ที่ทยอยฟื้นตัวในช่วงเทศกาลปลายปี อัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยทั่วโลกเริ่มลดลง แม้ว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะอยู่ในระดับสูง แต่เริ่มมีสัญญาณใกล้ยุติมาตรการคุมเข้มทางการเงินโดยเฉพาะสหรัฐฯ ในขณะที่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ของจีนเริ่มส่งผล โดยตัวเลขการบริโภคและการลงทุนของจีนเริ่มฟื้นตัวขึ้น สำหรับสถานการณ์อิสราเอลและฮามาสยังคงอยู่ในวงจำกัดจึงยังไม่กระทบต่อการส่งออกภาพรวม ทั้งนี้ <strong>การส่งออกไทย 10 เดือนแรกของปี 2566 หดตัวร้อยละ 2.7 และเมื่อหักสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ทองคำ และยุทธปัจจัย หดตัวร้อยละ 0.6</strong>&nbsp;</p>

<p><strong>มูลค่าการค้ารวม</strong><br />
&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp;<strong>มูลค่าการค้าในรูปเงินดอลลาร์สหรัฐ</strong> เดือนตุลาคม 2566 <strong>การส่งออก</strong> มีมูลค่า 23,578.8 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 8.0 เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน <strong>การนำเข้า</strong> มีมูลค่า 24,411.1 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 10.2 <strong>ดุลการค้า</strong> <u>ขาดดุล</u> 832.3 ล้านเหรียญสหรัฐ <strong>ภาพรวม 10 เดือนแรกของปี 2566</strong> <strong>การส่งออก</strong> มีมูลค่า 236,648.2 ล้านเหรียญสหรัฐ หดตัวร้อยละ 2.7 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน <strong>การนำเข้า</strong> มีมูลค่า 243,313.2 ล้านเหรียญสหรัฐ หดตัวร้อยละ 4.6 <strong>ดุลการค้า 10 เดือนแรกของปี 2566</strong> <u>ขาดดุล</u> 6,665.0 ล้านเหรียญสหรัฐ</p>

<p>&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp;<strong>มูลค่าการค้าในรูปเงินบาท</strong> เดือนตุลาคม 2566 <strong>การส่งออก</strong> มีมูลค่า 841,366 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 4.7 เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน <strong>การนำเข้า</strong> มีมูลค่า 881,124 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 6.9 <strong>ดุลการค้า</strong> <u>ขาดดุล</u> 39,758 ล้านบาท <strong>ภาพรวม 10 เดือนแรกของปี 2566</strong> <strong>การส่งออก</strong> มีมูลค่า 8,109,766 ล้านบาท หดตัวร้อยละ 2.6 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน <strong>การนำเข้า</strong> มีมูลค่า 8,439,268 ล้านบาท หดตัวร้อยละ 4.7 <strong>ดุลการค้า 10 เดือนแรกของปี 2566</strong> <u>ขาดดุล</u> 329,502 ล้านบาท</p>

<p><strong>การส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร</strong></p>

<p>&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp;<strong>มูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร ขยายตัวร้อยละ 9.3 (YoY) ขยายตัวต่อเนื่อง 2 เดือน โดยสินค้าเกษตร ขยายตัวร้อยละ 12.3 ขยายตัวต่อเนื่อง 3 เดือน และสินค้าอุตสาหกรรมเกษตร ขยายตัวร้อยละ 5.9 ขยายตัวต่อเนื่อง 2 เดือน มีสินค้าสำคัญที่<u>ขยายตัว</u></strong> ได้แก่ <strong>ข้าว</strong> ขยายตัวร้อยละ 37.7 ขยายตัวต่อเนื่อง 4 เดือน (ขยายตัวในตลาดอินโดนีเซีย สหรัฐฯ แอฟริกาใต้ มาเลเซีย และโกตดิวัวร์) <strong>ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง</strong> ขยายตัวร้อยละ 4.8 ขยายตัวต่อเนื่อง 2 เดือน (ขยายตัวในตลาดจีน ญี่ปุ่น ไต้หวัน มาเลเซีย และสหรัฐฯ) <strong>ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็ง และแห้ง</strong> ขยายตัวร้อยละ 44.6 ขยายตัวต่อเนื่อง 5 เดือน (ขยายตัวในตลาดจีน สหรัฐฯ ฮ่องกง เวียดนาม และเกาหลีใต้) <strong>อาหารสุนัขและแมว</strong> ขยายตัวร้อยละ 5.5 กลับมาขยายตัวในรอบ 12 เดือน (ขยายตัวในตลาดญี่ปุ่น อิตาลี มาเลเซีย เยอรมนี และไต้หวัน) <strong>ไขมันและน้ำมันจากพืชและสัตว์</strong> ขยายตัวร้อยละ 20.0 ขยายตัวต่อเนื่อง 2 เดือน (ขยายตัวในตลาดอินเดีย เกาหลีใต้ เมียนมา เนเธอร์แลนด์ และเวียดนาม) <strong>ไก่สดแช่เย็นแช่แข็ง</strong> ขยายตัวร้อยละ 9.6 กลับมาขยายตัวจากเดือนก่อนหน้า (ขยายตัวในตลาดจีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ฮ่องกง และเมียนมา) <strong>สิ่งปรุงรสอาหาร</strong> ขยายตัวร้อยละ 29.4 ขยายตัวต่อเนื่อง 4 เดือน (ขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ ออสเตรเลีย ฟิลิปปินส์ เนเธอร์แลนด์ และมาเลเซีย) <strong>ผักกระป๋องและผักแปรรูป</strong> ขยายตัวร้อยละ 19.4 ขยายตัวต่อเนื่อง 9 เดือน (ขยายตัวในตลาดญี่ปุ่น สหรัฐฯ เกาหลีใต้ จีน และออสเตรเลีย)&nbsp;</p>

<p>&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp;ขณะที่<strong>สินค้าสำคัญที่<u>หดตัว</u></strong> อาทิ <strong>ยางพารา</strong> หดตัวร้อยละ 5.4 หดตัวต่อเนื่อง 15 เดือน (หดตัวในตลาดมาเลเซีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ตุรกี และอินเดีย แต่ขยายตัวในตลาดจีน สหรัฐฯ เวียดนาม ปากีสถาน และอิตาลี) <strong>อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป</strong> หดตัวร้อยละ 5.6 หดตัวต่อเนื่อง 10 เดือน (หดตัวในตลาดญี่ปุ่น ออสเตรเลีย ซาอุดิอาระเบีย เกาหลีใต้ และอียิปต์ แต่ขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ แคนาดา ลิเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และอิสราเอล) <strong>ไก่แปรรูป</strong> หดตัวร้อยละ 2.2 หดตัวต่อเนื่อง 11 เดือน (หดตัวในตลาดสหราชอาณาจักร เนเธอร์แลนด์ แคนาดา ฮ่องกง และออสเตรเลีย แต่ขยายตัวในตลาดญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สิงคโปร์ ไอร์แลนด์ และฟิลิปปินส์) <strong>น้ำตาลทราย</strong> หดตัวร้อยละ 24.9 กลับมาหดตัวจากเดือนก่อนหน้า (หดตัวในตลาดลาว ฟิลิปปินส์ เกาหลีใต้ มาเลเซีย และปาปัวนิวกีนี แต่ขยายตัวในตลาดกัมพูชา อินโดนีเซีย เมียนมา จีน และไต้หวัน) ทั้งนี้ <strong>10 เดือนแรกของปี 2566 การส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร หดตัวร้อยละ 1.0</strong></p>

<p><strong>การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม</strong><br />
&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; <strong>&nbsp;มูลค่าการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม กลับมาขยายตัว ร้อยละ 5.4 (YoY) ซึ่งมีสินค้าสำคัญที่<u>ขยายตัว</u></strong> อาทิ <strong>รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ</strong> ขยายตัวร้อยละ 9.0 ขยายตัวต่อเนื่อง 10 เดือน (ขยายตัวในตลาดออสเตรเลีย ฟิลิปปินส์ ญี่ปุ่น ซาอุดีอาระเบีย และมาเลเซีย) <strong>อัญมณีและเครื่องประดับ (ไม่รวมทองคำ)</strong> ขยายตัวร้อยละ 8.7 ขยายตัวต่อเนื่อง 2 เดือน (ขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ ฮ่องกง อินเดีย เยอรมนี และสหราชอาณาจักร) <strong>เครื่องโทรศัพท์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ</strong> ขยายตัวร้อยละ 15.1 ขยายตัวต่อเนื่อง 5 เดือน (ขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ ฮ่องกง เม็กซิโก จีน และแคนาดา) <strong>อุปกรณ์กึ่งตัวนำ ทรานซิสเตอร์ และไดโอด</strong> ขยายตัวร้อยละ 27.3 ขยายตัวต่อเนื่อง 16 เดือน (ขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ จีน ญี่ปุ่น อินโดนีเซีย และเกาหลีใต้) <strong>หม้อแปลงไฟฟ้าและส่วนประกอบ</strong> ขยายตัวร้อยละ 38.5 ขยายตัวต่อเนื่อง 24 เดือน (ขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ เนเธอร์แลนด์ ไต้หวัน อิตาลี และจีน)&nbsp;</p>

<p>&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp;ขณะที่<strong>สินค้าสำคัญที่<u>หดตัว</u></strong> อาทิ <strong>เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ</strong> หดตัวร้อยละ 4.2 หดตัวต่อเนื่อง 13 เดือน (หดตัวในตลาดจีน ฮ่องกง เนเธอร์แลนด์ ญี่ปุ่น และมาเลเซีย แต่ขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ สิงคโปร์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ สาธารณรัฐเช็ก และฝรั่งเศส) <strong>แผงวงจรไฟฟ้า</strong> หดตัวร้อยละ 4.6 กลับมาหดตัวในรอบ 6 เดือน (หดตัวในตลาดสิงคโปร์ ไต้หวัน จีน มาเลเซีย และสหรัฐฯ แต่ขยายตัวในตลาดฮ่องกง ญี่ปุ่น เยอรมนี เกาหลีใต้ และเนเธอร์แลนด์) <strong>เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ</strong> หดตัวร้อยละ 34.2 หดตัวต่อเนื่อง 5 เดือน (หดตัวในตลาดออสเตรเลีย สหรัฐฯ เวียดนาม ญี่ปุ่น และฟิลิปปินส์ แต่ขยายตัวในตลาดอินโดนีเซีย สิงคโปร์ เกาหลีใต้ สหราชอาณาจักร และตุรกี) <strong>รถจักรยานยนต์และส่วนประกอบ</strong> หดตัวร้อยละ 19.5 หดตัวต่อเนื่อง 3 เดือน (หดตัวในตลาดสหรัฐฯ จีน สหราชอาณาจักร กัมพูชา และออสเตรเลีย แต่ขยายตัวในตลาดญี่ปุ่น เบลเยี่ยม เนเธอร์แลนด์ บราซิล และอิตาลี) ทั้งนี้ <strong>10 เดือนแรกของปี 2566 การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม หดตัวร้อยละ 2.8</strong></p>

<p><strong>ตลาดส่งออกสำคัญ</strong></p>

<p>&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp;<strong>การส่งออกไปยังหลายตลาดสำคัญมีสัญญาณการฟื้นตัวที่ดีขึ้น ในขณะที่บางตลาดอุปสงค์ยังคงอ่อนแอ ท่ามกลางความเสี่ยงใหม่จากความไม่สงบในอิสราเอล</strong> ทั้งนี้ ภาพรวมการส่งออกไปยังกลุ่มตลาดต่าง ๆ สรุปได้ดังนี้ <strong>(1) ตลาดหลัก ขยายตัวร้อยละ 5.1</strong> โดยขยายตัวในตลาด<u>สหรัฐฯ</u> ร้อยละ 13.8 <u>จีน</u> ร้อยละ 3.4 และ<u>อาเซียน (5)</u> ร้อยละ 16.5 ตามลำดับ ในขณะที่ตลาด<u>ญี่ปุ่น สหภาพยุโรป (27)</u> และ <u>CLMV</u> หดตัวร้อยละ 1.1 ร้อยละ 1.4 และร้อยละ 9.7 ตามลำดับ <strong>(2) ตลาดรอง ขยายตัวร้อยละ 10.6</strong> โดยขยายตัวในตลาด<u>เอเชียใต้</u> ร้อยละ 7.2 <u>ทวีปออสเตรเลีย</u> ร้อยละ 13.7 <u>แอฟริกา</u> ร้อยละ 24.5 <u>ลาตินอเมริกา</u> ร้อยละ 8.6 และ<u>รัสเซียและกลุ่ม CIS</u> ร้อยละ 77.2 ขณะที่ <u>ตะวันออกกลาง</u>และ<u>สหราชอาณาจักร</u> หดตัวร้อยละ 3.0 และร้อยละ 11.4 ตามลำดับ <strong>(3) ตลาดอื่น ๆ ขยายตัวร้อยละ 109.6</strong> อาทิ สวิตเซอร์แลนด์ ขยายตัวร้อยละ 135.1</p>

<p>&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp;<strong>ตลาดสหรัฐฯ กลับมาขยายตัวร้อยละ 13.8</strong> <u>สินค้าสำคัญที่ขยายตัว</u> เช่น อุปกรณ์กึ่งตัวนำ ทรานซิสเตอร์ และไดโอด ผลิตภัณฑ์ยาง และหม้อแปลงไฟฟ้าและส่วนประกอบ เป็นต้น <u>สินค้าสำคัญที่หดตัว</u> เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้าและส่วนประกอบ เครื่องนุ่งห่ม และอาหารสัตว์เลี้ยง เป็นต้น ทั้งนี้ <strong>10 เดือนแรกของปี 2566</strong> ขยายตัวร้อยละ 0.1&nbsp;</p>

<p>&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp;<strong>ตลาดจีน ขยายตัวร้อยละ 3.4</strong> (ขยายตัวต่อเนื่อง 3 เดือน) <u>สินค้าสำคัญที่ขยายตัว</u> เช่น ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็งและแห้ง ไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ และผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง เป็นต้น <u>สินค้าสำคัญที่หดตัว</u> เช่น ผลิตภัณฑ์ยาง เคมีภัณฑ์ และเม็ดพลาสติก เป็นต้น ทั้งนี้ <strong>10 เดือนแรกของปี 2566</strong> หดตัวร้อยละ 0.9&nbsp;</p>

<p>&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp;<strong>ตลาดญี่ปุ่น หดตัวร้อยละ 1.1</strong> (หดตัวต่อเนื่อง 2 เดือน) <u>สินค้าสำคัญที่หดตัว</u> เช่น เครื่องโทรสาร โทรศัพท์ และส่วนประกอบ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และเคมีภัณฑ์ เป็นต้น <u>สินค้าสำคัญที่ขยายตัว</u> เช่น รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องใช้ไฟฟ้าและส่วนประกอบ และเม็ดพลาสติก เป็นต้น ทั้งนี้ <strong>10 เดือนแรกของปี 2566</strong> หดตัวร้อยละ 0.02&nbsp;</p>

<p>&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp;<strong>ตลาดสหภาพยุโรป (27) หดตัวร้อยละ 1.4</strong> (หดตัวต่อเนื่อง 5 เดือน) <u>สินค้าสำคัญที่หดตัว</u> เช่น เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และแผงสวิทซ์และแผงควบคุมกระแสไฟฟ้า เป็นต้น <u>สินค้าสำคัญที่ขยายตัว</u> เช่น หม้อแปลงไฟฟ้าและส่วนประกอบ อัญมณีและเครื่องประดับ และรถจักรยานยนต์และส่วนประกอบ เป็นต้น ทั้งนี้ <strong>10 เดือนแรกของปี 2566</strong> หดตัวร้อยละ 4.4&nbsp;</p>

<p>&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp;<strong>ตลาดอาเซียน (5) ขยายตัวร้อยละ 16.5</strong> (ขยายตัวต่อเนื่อง 2 เดือน) <u>สินค้าสำคัญที่ขยายตัว</u> เช่น น้ำมันสำเร็จรูป ข้าว และอากาศยาน ยานอวกาศ และส่วนประกอบ เป็นต้น <u>สินค้าสำคัญที่หดตัว</u> เช่น แผงวงจรไฟฟ้า เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ และเครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เป็นต้น ทั้งนี้ <strong>10 เดือนแรกของปี 2566</strong> หดตัวร้อยละ 4.9</p>

<p>&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp;<strong>ตลาด CLMV หดตัวร้อยละ 9.7</strong> (หดตัวต่อเนื่อง 12 เดือน) <u>สินค้าสำคัญที่หดตัว</u> เช่น อัญมณีและเครื่องประดับ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และอุปกรณ์กึ่งตัวนำ ทรานซิสเตอร์ และไดโอด เป็นต้น <u>สินค้าสำคัญที่ขยายตัว</u> เช่น น้ำมันสำเร็จรูป เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ และทองแดงและของทำด้วยทองแดง เป็นต้น ทั้งนี้ <strong>10 เดือนแรกของปี 2566</strong> หดตัวร้อยละ 15.6&nbsp;</p>

<p>&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp;<strong>ตลาดเอเชียใต้ ขยายตัวร้อยละ 7.2</strong> (ขยายตัวต่อเนื่อง 2 เดือน) <u>สินค้าสำคัญที่ขยายตัว</u> เช่น อัญมณีและเครื่องประดับ ไขมันและน้ำมันจากพืชและสัตว์ และเหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เป็นต้น <u>สินค้าสำคัญที่หดตัว</u> เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และเครื่องใช้ไฟฟ้าและส่วนประกอบ เป็นต้น ทั้งนี้ <strong>10 เดือนแรกของปี 2566</strong> หดตัวร้อยละ 9.1&nbsp;</p>

<p>&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp;<strong>ตลาดทวีปออสเตรเลีย กลับมาขยายตัวร้อยละ 13.7</strong> <u>สินค้าสำคัญที่ขยายตัว</u> เช่น รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เม็ดพลาสติก และเครื่องสำอาง สบู่ และผลิตภัณฑ์รักษาผิว เป็นต้น <u>สินค้าสำคัญที่หดตัว</u> เช่น เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ รถจักรยานยนต์และส่วนประกอบ และเครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เป็นต้น ทั้งนี้ <strong>10 เดือนแรกของปี 2566</strong> ขยายตัวร้อยละ 0.8&nbsp;</p>

<p>&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp;<strong>ตลาดตะวันออกกลาง หดตัวร้อยละ 3.0</strong> (หดตัวต่อเนื่อง 3 เดือน) <u>สินค้าสำคัญที่หดตัว</u> เช่น ข้าว เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ และเครื่องโทรสาร โทรศัพท์ และส่วนประกอบ เป็นต้น <u>สินค้าสำคัญที่ขยายตัว</u> เช่น เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และเคมีภัณฑ์ เป็นต้น ทั้งนี้ <strong>10 เดือนแรกของปี 2566</strong> ขยายตัวร้อยละ 1.4&nbsp;</p>

<p>&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp;<strong>ตลาดแอฟริกา ขยายตัวร้อยละ 24.5</strong> (ขยายตัวต่อเนื่อง 4 เดือน) <u>สินค้าสำคัญที่ขยายตัว</u> เช่น น้ำมันสำเร็จรูป ข้าว และเคมีภัณฑ์ เป็นต้น <u>สินค้าสำคัญที่หดตัว</u> เช่น เครื่องยนต์สันดาปภายใน อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป และรถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เป็นต้น ทั้งนี้ <strong>10 เดือนแรกของปี 2566</strong> ขยายตัวร้อยละ 5.1&nbsp;</p>

<p>&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp;<strong>ตลาดลาตินอเมริกา ขยายตัวร้อยละ 8.6</strong> (ขยายตัวต่อเนื่อง 2 เดือน) <u>สินค้าสำคัญที่ขยายตัว</u> เช่น รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องโทรสาร โทรศัพท์ และส่วนประกอบ และข้าว เป็นต้น <u>สินค้าสำคัญที่หดตัว</u> เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ หม้อแปลงไฟฟ้าและส่วนประกอบ และอาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป เป็นต้น ทั้งนี้ <strong>10 เดือนแรกของปี 2566</strong> หดตัวร้อยละ 1.1&nbsp;</p>

<p>&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp;<strong>ตลาดรัสเซียและกลุ่มประเทศ CIS ขยายตัวร้อยละ 77.2</strong> (ขยายตัวต่อเนื่อง 8 เดือน) <u>สินค้าสำคัญที่ขยายตัว</u> เช่น เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ อัญมณีและเครื่องประดับ และผลิตภัณฑ์ยาง เป็นต้น <u>สินค้าสำคัญที่หดตัว</u> เช่น รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ผลไม้กระป๋องและแปรรูป และเม็ดพลาสติก เป็นต้น ทั้งนี้ <strong>10 เดือนแรกของปี 2566</strong> ขยายตัวร้อยละ 42.2</p>

<p>&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp;<strong>ตลาดสหราชอาณาจักร หดตัวร้อยละ 11.4</strong> (หดตัวต่อเนื่อง 2 เดือน) <u>สินค้าสำคัญที่หดตัว</u> เช่น เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และหม้อแปลงไฟฟ้าและส่วนประกอบ เป็นต้น <u>สินค้าสำคัญที่ขยายตัว</u> เช่น อาหารสัตว์เลี้ยง สิ่งปรุงรสอาหาร และเครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ เป็นต้น ทั้งนี้ <strong>10 เดือนแรกของปี 2566</strong> ขยายตัวร้อยละ 5.4</p>

<p><strong>การส่งเสริมการส่งออกของกระทรวงพาณิชย์ และแนวโน้มการส่งออกระยะถัดไป</strong></p>

<p>&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp;<strong>การส่งเสริมการส่งออก</strong> กระทรวงพาณิชย์ดำเนินงานที่สำคัญในรอบเดือนที่ผ่านมา อาทิ <strong>(1) การเจรจาเพื่อสนับสนุน SMEs ไทยรุกตลาดสินค้าเกษตรในญี่ปุ่น</strong> โดยนายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ร่วมหารือกับประธานองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น หรือ JETRO เพื่อร่วมมือผลักดันศักยภาพ SMEs ไทย และผลักดันการนำเข้าสินค้าเกษตรของไทยเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกล้วยหอมทอง <strong>(2) การสนับสนุนนักออกแบบไทยสู่ตลาดโลก</strong> ผ่านโครงการส่งเสริมนักออกแบบไทยสู่ตลาดโลก ปี 2566 ที่มีเป้าหมายในการพัฒนาศักยภาพ และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับนักออกแบบรุ่นใหม่จากทั่วประเทศ สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจ พัฒนาแบรนด์ให้เป็นที่ยอมรับ ยกระดับสินค้าไทย ให้ตอบสนองความต้องการของตลาดสากล โดยสามารถสร้างนักออกแบบไทยที่มีศักยภาพแล้วกว่า 744 ราย แบรนด์สินค้าที่เข้าร่วมแล้วกว่า 60 แบรนด์ <strong>(3) มาตรการสนับสนุนการระบายสต๊อกน้ำมันปาล์ม</strong> ซึ่งเป็นกลไกรับมือกับปัญหาสต็อกน้ำมันปาล์มดิบส่วนเกินในช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาดมาก ด้วยการช่วยค่าบริหารจัดการระบายสต๊อกส่วนเกิน 2 บาท/กิโลกรัม โดยมีเป้าหมายที่ 2 แสนตัน พร้อมติดตามสถานการณ์การผลิต การส่งออก และการบริโภคในประเทศให้มีความสมดุลทุกภาคส่วน รวมทั้งประเมินสถานการณ์ล่วงหน้าเพื่อวางแผนรองรับได้ทันท่วงที</p>

<p>&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp;<strong>สำหรับมาตรการขับเคลื่อนการส่งออกในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปี 2566</strong> นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้สั่งการให้ทำแผนเร่งด่วน (Quick Win) เพื่อผลักดันการส่งออก โดยจะดำเนินกิจกรรมทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวม 73 กิจกรรม คาดว่าจะช่วยเพิ่มมูลค่าการส่งออกได้กว่า 12,400 ล้านบาท กิจกรรมสําคัญ เช่น การจัดเจรจาธุรกิจออนไลน์ การเข้าร่วมงานแสดงสินค้า การจัดคณะผู้แทนการค้าไปเยือนงานแสดงสินค้า China International Import Expo (CIIE 2023) ที่นครเซี่ยงไฮ้ การนําผู้ประกอบการเข้าร่วมงานแสดงสินค้าในต่างประเทศ เช่น Automechanika ที่ดูไบ American Film Market ที่สหรัฐฯ Anuga และ Medica ที่เยอรมนี รวมทั้งการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายสินค้า TOP Thai บนแพลตฟอร์ม Shopee ในมาเลเซีย และ Rakuten ในญี่ปุ่น เป็นต้น</p>

<p>&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp;<strong>แนวโน้มการส่งออกในระยะถัดไป</strong> กระทรวงพาณิชย์ ประเมินว่า การส่งออกในช่วงสุดท้ายของปีจะขยายตัวเป็นบวกอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะช่วงปลายปีที่จะเข้าสู่ช่วงเทศกาลเฉลิมฉลอง สอดรับกับแรงกดดันด้านราคาที่ค่อย ๆ ลดลง เนื่องจากเงินเฟ้อที่ชะลอตัว และแนวโน้มที่ธนาคารกลางสหรัฐฯจะยุติวงจรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย อย่างไรก็ตามยังคงต้องติดตามสถานการณ์ความขัดแย้งอิสราเอล-ฮามาส ที่หากขยายวงกว้างอาจจะกระทบต่อราคาน้ำมันและต้นทุนการขนส่ง ซึ่งจะไม่เป็นผลดีต่อบรรยากาศการค้าโลกที่กำลังกลับมาฟื้นตัว&nbsp;</p>

<p style="text-align:center">--------------------------------------------</p>

<p>สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า<br />
กระทรวงพาณิชย์<br />
27 พฤศจิกายน 2566</p>

<p><img src="https://uploads.tpso.go.th/image-20231127131118-1.jpeg" /></p>

<p><img src="https://uploads.tpso.go.th/image-20231127131130-2.jpeg" /></p>

<p><img src="https://uploads.tpso.go.th/image-20231127131142-3.jpeg" /></p>

<p><img src="https://uploads.tpso.go.th/image-20231127131149-4.jpeg" /></p>

<p><img src="https://uploads.tpso.go.th/image-20231127131159-5.jpeg" /></p>

<p><img src="https://uploads.tpso.go.th/image-20231127131206-6.jpeg" /></p>

ภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทย ประจำเดือนตุลาคม 2566 

                   วันที่ 27 พฤศจิกายน 2566 เวลา 10.00 น. นายกีรติ  รัชโน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ แถลงข่าวภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทย เดือนตุลาคม 2566 และ 10 เดือนแรกของปี 2566 พร้อมด้วย นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) ผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ ณ ห้องกิติยากรวรลักษณ์ ตึกสำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์

                   การส่งออกของไทยในเดือนตุลาคม 2566 มีมูลค่า 23,578.8 ล้านเหรียญสหรัฐ (841,366 ล้านบาท) ขยายตัวร้อยละ 8.0 หากหักสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ทองคำ และยุทธปัจจัย ขยายตัวร้อยละ 5.4 การส่งออกของโลกมีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี โดยการส่งออกของไทยในเดือนนี้ขยายตัวมากกว่าที่คาดและมากกว่าหลายประเทศในอาเซียน มีสัญญาณฟื้นตัวในหลายสินค้าสำคัญที่กลับมาเป็นบวกหรือหดตัวชะลอลง อาทิ เครื่องคอมพิวเตอร์ เม็ดพลาสติก ผลิตภัณฑ์ยาง อาหารสัตว์เลี้ยง เฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน ฯลฯ ด้วยแรงหนุนจากอุปสงค์ที่ทยอยฟื้นตัวในช่วงเทศกาลปลายปี อัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยทั่วโลกเริ่มลดลง แม้ว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะอยู่ในระดับสูง แต่เริ่มมีสัญญาณใกล้ยุติมาตรการคุมเข้มทางการเงินโดยเฉพาะสหรัฐฯ ในขณะที่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ของจีนเริ่มส่งผล โดยตัวเลขการบริโภคและการลงทุนของจีนเริ่มฟื้นตัวขึ้น สำหรับสถานการณ์อิสราเอลและฮามาสยังคงอยู่ในวงจำกัดจึงยังไม่กระทบต่อการส่งออกภาพรวม ทั้งนี้ การส่งออกไทย 10 เดือนแรกของปี 2566 หดตัวร้อยละ 2.7 และเมื่อหักสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ทองคำ และยุทธปัจจัย หดตัวร้อยละ 0.6 

มูลค่าการค้ารวม
                   มูลค่าการค้าในรูปเงินดอลลาร์สหรัฐ เดือนตุลาคม 2566 การส่งออก มีมูลค่า 23,578.8 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 8.0 เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน การนำเข้า มีมูลค่า 24,411.1 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 10.2 ดุลการค้า ขาดดุล 832.3 ล้านเหรียญสหรัฐ ภาพรวม 10 เดือนแรกของปี 2566 การส่งออก มีมูลค่า 236,648.2 ล้านเหรียญสหรัฐ หดตัวร้อยละ 2.7 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน การนำเข้า มีมูลค่า 243,313.2 ล้านเหรียญสหรัฐ หดตัวร้อยละ 4.6 ดุลการค้า 10 เดือนแรกของปี 2566 ขาดดุล 6,665.0 ล้านเหรียญสหรัฐ

                   มูลค่าการค้าในรูปเงินบาท เดือนตุลาคม 2566 การส่งออก มีมูลค่า 841,366 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 4.7 เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน การนำเข้า มีมูลค่า 881,124 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 6.9 ดุลการค้า ขาดดุล 39,758 ล้านบาท ภาพรวม 10 เดือนแรกของปี 2566 การส่งออก มีมูลค่า 8,109,766 ล้านบาท หดตัวร้อยละ 2.6 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน การนำเข้า มีมูลค่า 8,439,268 ล้านบาท หดตัวร้อยละ 4.7 ดุลการค้า 10 เดือนแรกของปี 2566 ขาดดุล 329,502 ล้านบาท

การส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร

                   มูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร ขยายตัวร้อยละ 9.3 (YoY) ขยายตัวต่อเนื่อง 2 เดือน โดยสินค้าเกษตร ขยายตัวร้อยละ 12.3 ขยายตัวต่อเนื่อง 3 เดือน และสินค้าอุตสาหกรรมเกษตร ขยายตัวร้อยละ 5.9 ขยายตัวต่อเนื่อง 2 เดือน มีสินค้าสำคัญที่ขยายตัว ได้แก่ ข้าว ขยายตัวร้อยละ 37.7 ขยายตัวต่อเนื่อง 4 เดือน (ขยายตัวในตลาดอินโดนีเซีย สหรัฐฯ แอฟริกาใต้ มาเลเซีย และโกตดิวัวร์) ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ขยายตัวร้อยละ 4.8 ขยายตัวต่อเนื่อง 2 เดือน (ขยายตัวในตลาดจีน ญี่ปุ่น ไต้หวัน มาเลเซีย และสหรัฐฯ) ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็ง และแห้ง ขยายตัวร้อยละ 44.6 ขยายตัวต่อเนื่อง 5 เดือน (ขยายตัวในตลาดจีน สหรัฐฯ ฮ่องกง เวียดนาม และเกาหลีใต้) อาหารสุนัขและแมว ขยายตัวร้อยละ 5.5 กลับมาขยายตัวในรอบ 12 เดือน (ขยายตัวในตลาดญี่ปุ่น อิตาลี มาเลเซีย เยอรมนี และไต้หวัน) ไขมันและน้ำมันจากพืชและสัตว์ ขยายตัวร้อยละ 20.0 ขยายตัวต่อเนื่อง 2 เดือน (ขยายตัวในตลาดอินเดีย เกาหลีใต้ เมียนมา เนเธอร์แลนด์ และเวียดนาม) ไก่สดแช่เย็นแช่แข็ง ขยายตัวร้อยละ 9.6 กลับมาขยายตัวจากเดือนก่อนหน้า (ขยายตัวในตลาดจีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ฮ่องกง และเมียนมา) สิ่งปรุงรสอาหาร ขยายตัวร้อยละ 29.4 ขยายตัวต่อเนื่อง 4 เดือน (ขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ ออสเตรเลีย ฟิลิปปินส์ เนเธอร์แลนด์ และมาเลเซีย) ผักกระป๋องและผักแปรรูป ขยายตัวร้อยละ 19.4 ขยายตัวต่อเนื่อง 9 เดือน (ขยายตัวในตลาดญี่ปุ่น สหรัฐฯ เกาหลีใต้ จีน และออสเตรเลีย) 

                   ขณะที่สินค้าสำคัญที่หดตัว อาทิ ยางพารา หดตัวร้อยละ 5.4 หดตัวต่อเนื่อง 15 เดือน (หดตัวในตลาดมาเลเซีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ตุรกี และอินเดีย แต่ขยายตัวในตลาดจีน สหรัฐฯ เวียดนาม ปากีสถาน และอิตาลี) อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป หดตัวร้อยละ 5.6 หดตัวต่อเนื่อง 10 เดือน (หดตัวในตลาดญี่ปุ่น ออสเตรเลีย ซาอุดิอาระเบีย เกาหลีใต้ และอียิปต์ แต่ขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ แคนาดา ลิเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และอิสราเอล) ไก่แปรรูป หดตัวร้อยละ 2.2 หดตัวต่อเนื่อง 11 เดือน (หดตัวในตลาดสหราชอาณาจักร เนเธอร์แลนด์ แคนาดา ฮ่องกง และออสเตรเลีย แต่ขยายตัวในตลาดญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สิงคโปร์ ไอร์แลนด์ และฟิลิปปินส์) น้ำตาลทราย หดตัวร้อยละ 24.9 กลับมาหดตัวจากเดือนก่อนหน้า (หดตัวในตลาดลาว ฟิลิปปินส์ เกาหลีใต้ มาเลเซีย และปาปัวนิวกีนี แต่ขยายตัวในตลาดกัมพูชา อินโดนีเซีย เมียนมา จีน และไต้หวัน) ทั้งนี้ 10 เดือนแรกของปี 2566 การส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร หดตัวร้อยละ 1.0

การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม
                   มูลค่าการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม กลับมาขยายตัว ร้อยละ 5.4 (YoY) ซึ่งมีสินค้าสำคัญที่ขยายตัว อาทิ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ขยายตัวร้อยละ 9.0 ขยายตัวต่อเนื่อง 10 เดือน (ขยายตัวในตลาดออสเตรเลีย ฟิลิปปินส์ ญี่ปุ่น ซาอุดีอาระเบีย และมาเลเซีย) อัญมณีและเครื่องประดับ (ไม่รวมทองคำ) ขยายตัวร้อยละ 8.7 ขยายตัวต่อเนื่อง 2 เดือน (ขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ ฮ่องกง อินเดีย เยอรมนี และสหราชอาณาจักร) เครื่องโทรศัพท์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ขยายตัวร้อยละ 15.1 ขยายตัวต่อเนื่อง 5 เดือน (ขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ ฮ่องกง เม็กซิโก จีน และแคนาดา) อุปกรณ์กึ่งตัวนำ ทรานซิสเตอร์ และไดโอด ขยายตัวร้อยละ 27.3 ขยายตัวต่อเนื่อง 16 เดือน (ขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ จีน ญี่ปุ่น อินโดนีเซีย และเกาหลีใต้) หม้อแปลงไฟฟ้าและส่วนประกอบ ขยายตัวร้อยละ 38.5 ขยายตัวต่อเนื่อง 24 เดือน (ขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ เนเธอร์แลนด์ ไต้หวัน อิตาลี และจีน) 

                   ขณะที่สินค้าสำคัญที่หดตัว อาทิ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ หดตัวร้อยละ 4.2 หดตัวต่อเนื่อง 13 เดือน (หดตัวในตลาดจีน ฮ่องกง เนเธอร์แลนด์ ญี่ปุ่น และมาเลเซีย แต่ขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ สิงคโปร์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ สาธารณรัฐเช็ก และฝรั่งเศส) แผงวงจรไฟฟ้า หดตัวร้อยละ 4.6 กลับมาหดตัวในรอบ 6 เดือน (หดตัวในตลาดสิงคโปร์ ไต้หวัน จีน มาเลเซีย และสหรัฐฯ แต่ขยายตัวในตลาดฮ่องกง ญี่ปุ่น เยอรมนี เกาหลีใต้ และเนเธอร์แลนด์) เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ หดตัวร้อยละ 34.2 หดตัวต่อเนื่อง 5 เดือน (หดตัวในตลาดออสเตรเลีย สหรัฐฯ เวียดนาม ญี่ปุ่น และฟิลิปปินส์ แต่ขยายตัวในตลาดอินโดนีเซีย สิงคโปร์ เกาหลีใต้ สหราชอาณาจักร และตุรกี) รถจักรยานยนต์และส่วนประกอบ หดตัวร้อยละ 19.5 หดตัวต่อเนื่อง 3 เดือน (หดตัวในตลาดสหรัฐฯ จีน สหราชอาณาจักร กัมพูชา และออสเตรเลีย แต่ขยายตัวในตลาดญี่ปุ่น เบลเยี่ยม เนเธอร์แลนด์ บราซิล และอิตาลี) ทั้งนี้ 10 เดือนแรกของปี 2566 การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม หดตัวร้อยละ 2.8

ตลาดส่งออกสำคัญ

                   การส่งออกไปยังหลายตลาดสำคัญมีสัญญาณการฟื้นตัวที่ดีขึ้น ในขณะที่บางตลาดอุปสงค์ยังคงอ่อนแอ ท่ามกลางความเสี่ยงใหม่จากความไม่สงบในอิสราเอล ทั้งนี้ ภาพรวมการส่งออกไปยังกลุ่มตลาดต่าง ๆ สรุปได้ดังนี้ (1) ตลาดหลัก ขยายตัวร้อยละ 5.1 โดยขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ ร้อยละ 13.8 จีน ร้อยละ 3.4 และอาเซียน (5) ร้อยละ 16.5 ตามลำดับ ในขณะที่ตลาดญี่ปุ่น สหภาพยุโรป (27) และ CLMV หดตัวร้อยละ 1.1 ร้อยละ 1.4 และร้อยละ 9.7 ตามลำดับ (2) ตลาดรอง ขยายตัวร้อยละ 10.6 โดยขยายตัวในตลาดเอเชียใต้ ร้อยละ 7.2 ทวีปออสเตรเลีย ร้อยละ 13.7 แอฟริกา ร้อยละ 24.5 ลาตินอเมริกา ร้อยละ 8.6 และรัสเซียและกลุ่ม CIS ร้อยละ 77.2 ขณะที่ ตะวันออกกลางและสหราชอาณาจักร หดตัวร้อยละ 3.0 และร้อยละ 11.4 ตามลำดับ (3) ตลาดอื่น ๆ ขยายตัวร้อยละ 109.6 อาทิ สวิตเซอร์แลนด์ ขยายตัวร้อยละ 135.1

                   ตลาดสหรัฐฯ กลับมาขยายตัวร้อยละ 13.8 สินค้าสำคัญที่ขยายตัว เช่น อุปกรณ์กึ่งตัวนำ ทรานซิสเตอร์ และไดโอด ผลิตภัณฑ์ยาง และหม้อแปลงไฟฟ้าและส่วนประกอบ เป็นต้น สินค้าสำคัญที่หดตัว เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้าและส่วนประกอบ เครื่องนุ่งห่ม และอาหารสัตว์เลี้ยง เป็นต้น ทั้งนี้ 10 เดือนแรกของปี 2566 ขยายตัวร้อยละ 0.1 

                   ตลาดจีน ขยายตัวร้อยละ 3.4 (ขยายตัวต่อเนื่อง 3 เดือน) สินค้าสำคัญที่ขยายตัว เช่น ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็งและแห้ง ไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ และผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง เป็นต้น สินค้าสำคัญที่หดตัว เช่น ผลิตภัณฑ์ยาง เคมีภัณฑ์ และเม็ดพลาสติก เป็นต้น ทั้งนี้ 10 เดือนแรกของปี 2566 หดตัวร้อยละ 0.9 

                   ตลาดญี่ปุ่น หดตัวร้อยละ 1.1 (หดตัวต่อเนื่อง 2 เดือน) สินค้าสำคัญที่หดตัว เช่น เครื่องโทรสาร โทรศัพท์ และส่วนประกอบ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และเคมีภัณฑ์ เป็นต้น สินค้าสำคัญที่ขยายตัว เช่น รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องใช้ไฟฟ้าและส่วนประกอบ และเม็ดพลาสติก เป็นต้น ทั้งนี้ 10 เดือนแรกของปี 2566 หดตัวร้อยละ 0.02 

                   ตลาดสหภาพยุโรป (27) หดตัวร้อยละ 1.4 (หดตัวต่อเนื่อง 5 เดือน) สินค้าสำคัญที่หดตัว เช่น เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และแผงสวิทซ์และแผงควบคุมกระแสไฟฟ้า เป็นต้น สินค้าสำคัญที่ขยายตัว เช่น หม้อแปลงไฟฟ้าและส่วนประกอบ อัญมณีและเครื่องประดับ และรถจักรยานยนต์และส่วนประกอบ เป็นต้น ทั้งนี้ 10 เดือนแรกของปี 2566 หดตัวร้อยละ 4.4 

                   ตลาดอาเซียน (5) ขยายตัวร้อยละ 16.5 (ขยายตัวต่อเนื่อง 2 เดือน) สินค้าสำคัญที่ขยายตัว เช่น น้ำมันสำเร็จรูป ข้าว และอากาศยาน ยานอวกาศ และส่วนประกอบ เป็นต้น สินค้าสำคัญที่หดตัว เช่น แผงวงจรไฟฟ้า เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ และเครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เป็นต้น ทั้งนี้ 10 เดือนแรกของปี 2566 หดตัวร้อยละ 4.9

                   ตลาด CLMV หดตัวร้อยละ 9.7 (หดตัวต่อเนื่อง 12 เดือน) สินค้าสำคัญที่หดตัว เช่น อัญมณีและเครื่องประดับ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และอุปกรณ์กึ่งตัวนำ ทรานซิสเตอร์ และไดโอด เป็นต้น สินค้าสำคัญที่ขยายตัว เช่น น้ำมันสำเร็จรูป เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ และทองแดงและของทำด้วยทองแดง เป็นต้น ทั้งนี้ 10 เดือนแรกของปี 2566 หดตัวร้อยละ 15.6 

                   ตลาดเอเชียใต้ ขยายตัวร้อยละ 7.2 (ขยายตัวต่อเนื่อง 2 เดือน) สินค้าสำคัญที่ขยายตัว เช่น อัญมณีและเครื่องประดับ ไขมันและน้ำมันจากพืชและสัตว์ และเหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เป็นต้น สินค้าสำคัญที่หดตัว เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และเครื่องใช้ไฟฟ้าและส่วนประกอบ เป็นต้น ทั้งนี้ 10 เดือนแรกของปี 2566 หดตัวร้อยละ 9.1 

                   ตลาดทวีปออสเตรเลีย กลับมาขยายตัวร้อยละ 13.7 สินค้าสำคัญที่ขยายตัว เช่น รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เม็ดพลาสติก และเครื่องสำอาง สบู่ และผลิตภัณฑ์รักษาผิว เป็นต้น สินค้าสำคัญที่หดตัว เช่น เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ รถจักรยานยนต์และส่วนประกอบ และเครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เป็นต้น ทั้งนี้ 10 เดือนแรกของปี 2566 ขยายตัวร้อยละ 0.8 

                   ตลาดตะวันออกกลาง หดตัวร้อยละ 3.0 (หดตัวต่อเนื่อง 3 เดือน) สินค้าสำคัญที่หดตัว เช่น ข้าว เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ และเครื่องโทรสาร โทรศัพท์ และส่วนประกอบ เป็นต้น สินค้าสำคัญที่ขยายตัว เช่น เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และเคมีภัณฑ์ เป็นต้น ทั้งนี้ 10 เดือนแรกของปี 2566 ขยายตัวร้อยละ 1.4 

                   ตลาดแอฟริกา ขยายตัวร้อยละ 24.5 (ขยายตัวต่อเนื่อง 4 เดือน) สินค้าสำคัญที่ขยายตัว เช่น น้ำมันสำเร็จรูป ข้าว และเคมีภัณฑ์ เป็นต้น สินค้าสำคัญที่หดตัว เช่น เครื่องยนต์สันดาปภายใน อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป และรถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เป็นต้น ทั้งนี้ 10 เดือนแรกของปี 2566 ขยายตัวร้อยละ 5.1 

                   ตลาดลาตินอเมริกา ขยายตัวร้อยละ 8.6 (ขยายตัวต่อเนื่อง 2 เดือน) สินค้าสำคัญที่ขยายตัว เช่น รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องโทรสาร โทรศัพท์ และส่วนประกอบ และข้าว เป็นต้น สินค้าสำคัญที่หดตัว เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ หม้อแปลงไฟฟ้าและส่วนประกอบ และอาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป เป็นต้น ทั้งนี้ 10 เดือนแรกของปี 2566 หดตัวร้อยละ 1.1 

                   ตลาดรัสเซียและกลุ่มประเทศ CIS ขยายตัวร้อยละ 77.2 (ขยายตัวต่อเนื่อง 8 เดือน) สินค้าสำคัญที่ขยายตัว เช่น เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ อัญมณีและเครื่องประดับ และผลิตภัณฑ์ยาง เป็นต้น สินค้าสำคัญที่หดตัว เช่น รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ผลไม้กระป๋องและแปรรูป และเม็ดพลาสติก เป็นต้น ทั้งนี้ 10 เดือนแรกของปี 2566 ขยายตัวร้อยละ 42.2

                   ตลาดสหราชอาณาจักร หดตัวร้อยละ 11.4 (หดตัวต่อเนื่อง 2 เดือน) สินค้าสำคัญที่หดตัว เช่น เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และหม้อแปลงไฟฟ้าและส่วนประกอบ เป็นต้น สินค้าสำคัญที่ขยายตัว เช่น อาหารสัตว์เลี้ยง สิ่งปรุงรสอาหาร และเครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ เป็นต้น ทั้งนี้ 10 เดือนแรกของปี 2566 ขยายตัวร้อยละ 5.4

การส่งเสริมการส่งออกของกระทรวงพาณิชย์ และแนวโน้มการส่งออกระยะถัดไป

                   การส่งเสริมการส่งออก กระทรวงพาณิชย์ดำเนินงานที่สำคัญในรอบเดือนที่ผ่านมา อาทิ (1) การเจรจาเพื่อสนับสนุน SMEs ไทยรุกตลาดสินค้าเกษตรในญี่ปุ่น โดยนายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ร่วมหารือกับประธานองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น หรือ JETRO เพื่อร่วมมือผลักดันศักยภาพ SMEs ไทย และผลักดันการนำเข้าสินค้าเกษตรของไทยเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกล้วยหอมทอง (2) การสนับสนุนนักออกแบบไทยสู่ตลาดโลก ผ่านโครงการส่งเสริมนักออกแบบไทยสู่ตลาดโลก ปี 2566 ที่มีเป้าหมายในการพัฒนาศักยภาพ และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับนักออกแบบรุ่นใหม่จากทั่วประเทศ สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจ พัฒนาแบรนด์ให้เป็นที่ยอมรับ ยกระดับสินค้าไทย ให้ตอบสนองความต้องการของตลาดสากล โดยสามารถสร้างนักออกแบบไทยที่มีศักยภาพแล้วกว่า 744 ราย แบรนด์สินค้าที่เข้าร่วมแล้วกว่า 60 แบรนด์ (3) มาตรการสนับสนุนการระบายสต๊อกน้ำมันปาล์ม ซึ่งเป็นกลไกรับมือกับปัญหาสต็อกน้ำมันปาล์มดิบส่วนเกินในช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาดมาก ด้วยการช่วยค่าบริหารจัดการระบายสต๊อกส่วนเกิน 2 บาท/กิโลกรัม โดยมีเป้าหมายที่ 2 แสนตัน พร้อมติดตามสถานการณ์การผลิต การส่งออก และการบริโภคในประเทศให้มีความสมดุลทุกภาคส่วน รวมทั้งประเมินสถานการณ์ล่วงหน้าเพื่อวางแผนรองรับได้ทันท่วงที

                   สำหรับมาตรการขับเคลื่อนการส่งออกในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปี 2566 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้สั่งการให้ทำแผนเร่งด่วน (Quick Win) เพื่อผลักดันการส่งออก โดยจะดำเนินกิจกรรมทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวม 73 กิจกรรม คาดว่าจะช่วยเพิ่มมูลค่าการส่งออกได้กว่า 12,400 ล้านบาท กิจกรรมสําคัญ เช่น การจัดเจรจาธุรกิจออนไลน์ การเข้าร่วมงานแสดงสินค้า การจัดคณะผู้แทนการค้าไปเยือนงานแสดงสินค้า China International Import Expo (CIIE 2023) ที่นครเซี่ยงไฮ้ การนําผู้ประกอบการเข้าร่วมงานแสดงสินค้าในต่างประเทศ เช่น Automechanika ที่ดูไบ American Film Market ที่สหรัฐฯ Anuga และ Medica ที่เยอรมนี รวมทั้งการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายสินค้า TOP Thai บนแพลตฟอร์ม Shopee ในมาเลเซีย และ Rakuten ในญี่ปุ่น เป็นต้น

                   แนวโน้มการส่งออกในระยะถัดไป กระทรวงพาณิชย์ ประเมินว่า การส่งออกในช่วงสุดท้ายของปีจะขยายตัวเป็นบวกอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะช่วงปลายปีที่จะเข้าสู่ช่วงเทศกาลเฉลิมฉลอง สอดรับกับแรงกดดันด้านราคาที่ค่อย ๆ ลดลง เนื่องจากเงินเฟ้อที่ชะลอตัว และแนวโน้มที่ธนาคารกลางสหรัฐฯจะยุติวงจรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย อย่างไรก็ตามยังคงต้องติดตามสถานการณ์ความขัดแย้งอิสราเอล-ฮามาส ที่หากขยายวงกว้างอาจจะกระทบต่อราคาน้ำมันและต้นทุนการขนส่ง ซึ่งจะไม่เป็นผลดีต่อบรรยากาศการค้าโลกที่กำลังกลับมาฟื้นตัว 

--------------------------------------------

สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า
กระทรวงพาณิชย์
27 พฤศจิกายน 2566

เผยแพร่เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2566