ส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยงฟื้นตัว สนค. แนะเกาะเทรนด์ผู้บริโภคใกล้ชิด เจาะตลาดท้าทายใหม่

ส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยงฟื้นตัว สนค. แนะเกาะเทรนด์ผู้บริโภคใกล้ชิด เจาะตลาดท้าทายใหม่

avatar

Administrator


2594


หมวดหมู่:

<p><strong>ดาวน์โหลดข้อมูลฉบับเต็ม:&nbsp;</strong><a href="https://uploads.tpso.go.th/ส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยงฟื้นตัว สนค. แนะเกาะเทรนด์ผู้บริโภคใกล้ชิด เจาะตลาดท้าทายใหม่.pdf" target="_blank">ส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยงฟื้นตัว สนค. แนะเกาะเทรนด์ผู้บริโภคใกล้ชิด เจาะตลาดท้าทายใหม่.pdf</a></p>

<p>&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp;นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยงของไทย (พิกัดศุลกากร 230910 และ 230990) ในปี 2566 แม้ว่าจะหดตัวมาตั้งแต่ต้นปี แต่ในช่วงปลายปีเริ่มกลับมาขยายตัว โดยในเดือนพฤศจิกายน 2566 มีมูลค่า 222 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 3 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อนหน้า มีตลาดส่งออกสำคัญ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น มาเลเซีย อิตาลี และออสเตรเลีย ตามลำดับ</p>

<p>&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp;สำหรับปี 2565 ไทยเป็นผู้ส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยง อันดับ 6 ของโลก (แต่ส่งออกอาหารสุนัขและแมวเป็นอันดับ 3 ของโลก) โดยมีมูลค่าการส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยง 2,803 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 3.36 ของการส่งออกสินค้าอาหารสัตว์เลี้ยงของโลก ขยายตัวร้อยละ 16.46 เมื่อเทียบกับปี 2564 โดยผู้ส่งออก 5 อันดับแรกของโลก ได้แก่ เนเธอร์แลนด์ เยอรมนี สหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส และจีน ตามลำดับ ทั้งนี้ เฉพาะในส่วนของอาหารสุนัขและแมว (พิกัดศุลกากร 230910) ไทยส่งออกเป็นอันดับ 3 ของโลก รองจากเยอรมนี และสหรัฐอเมริกา โดยมีมูลค่าการส่งออก 2,434 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 5.51 ของการส่งออกสินค้าอาหารสุนัขและแมวทั่วโลก ขยายตัวร้อยละ 19.33 เมื่อเทียบกับปี 2564</p>

<p>&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp;แม้ผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงของไทยจะมีศักยภาพในการเติบโตและยังคงเป็นที่ต้องการจากผู้บริโภคทั่วโลก แต่ผู้ส่งออกก็ยังต้องให้ความสำคัญต่อข้อกำหนดการนำเข้า มาตรฐานของประเทศปลายทาง และแนวโน้มความต้องการ รวมทั้งพฤติกรรมของผู้บริโภครายใหม่ ๆ อยู่เสมอ ซึ่งสหภาพยุโรปเป็นตลาดส่งออกผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงที่ไทยจะต้องเร่งผลักดันการส่งออกให้เพิ่มขึ้น โดยกฎระเบียบและมาตรการที่ยุโรปบังคับใช้นั้น เป็นทั้งโอกาสและความท้าทายของผู้ผลิตและผู้ส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยงไทย ซึ่งผู้ประกอบการไทยสามารถเจาะกลุ่มตลาดพรีเมียม รวมถึงต้องศึกษารสนิยม พฤติกรรมและความต้องการของผู้บริโภค ตลอดจนการเพิ่มช่องทางในการเข้าถึงผู้บริโภคยุคใหม่ ผู้บริโภคกลุ่ม &ldquo;Pet Humanization&rdquo; และสร้างความเชื่อมั่นต่อสินค้าอาหารสัตว์เลี้ยงของไทย ทั้งนี้ การพัฒนาผลิตภัณฑ์และช่องทางการตลาดให้ตรงตามความต้องการของผู้บริโภค ซึ่งจะช่วยรักษาส่วนแบ่งตลาดเดิม และเพิ่มโอกาสในการแย่งชิงส่วนแบ่งตลาดใหม่ ๆ จากคู่แข่งท่ามกลางความผันผวนของเศรษฐกิจโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น</p>

ดาวน์โหลดข้อมูลฉบับเต็ม: 

           นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยงของไทย (พิกัดศุลกากร 230910 และ 230990) ในปี 2566 แม้ว่าจะหดตัวมาตั้งแต่ต้นปี แต่ในช่วงปลายปีเริ่มกลับมาขยายตัว โดยในเดือนพฤศจิกายน 2566 มีมูลค่า 222 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 3 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อนหน้า มีตลาดส่งออกสำคัญ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น มาเลเซีย อิตาลี และออสเตรเลีย ตามลำดับ

           สำหรับปี 2565 ไทยเป็นผู้ส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยง อันดับ 6 ของโลก (แต่ส่งออกอาหารสุนัขและแมวเป็นอันดับ 3 ของโลก) โดยมีมูลค่าการส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยง 2,803 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 3.36 ของการส่งออกสินค้าอาหารสัตว์เลี้ยงของโลก ขยายตัวร้อยละ 16.46 เมื่อเทียบกับปี 2564 โดยผู้ส่งออก 5 อันดับแรกของโลก ได้แก่ เนเธอร์แลนด์ เยอรมนี สหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส และจีน ตามลำดับ ทั้งนี้ เฉพาะในส่วนของอาหารสุนัขและแมว (พิกัดศุลกากร 230910) ไทยส่งออกเป็นอันดับ 3 ของโลก รองจากเยอรมนี และสหรัฐอเมริกา โดยมีมูลค่าการส่งออก 2,434 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 5.51 ของการส่งออกสินค้าอาหารสุนัขและแมวทั่วโลก ขยายตัวร้อยละ 19.33 เมื่อเทียบกับปี 2564

           แม้ผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงของไทยจะมีศักยภาพในการเติบโตและยังคงเป็นที่ต้องการจากผู้บริโภคทั่วโลก แต่ผู้ส่งออกก็ยังต้องให้ความสำคัญต่อข้อกำหนดการนำเข้า มาตรฐานของประเทศปลายทาง และแนวโน้มความต้องการ รวมทั้งพฤติกรรมของผู้บริโภครายใหม่ ๆ อยู่เสมอ ซึ่งสหภาพยุโรปเป็นตลาดส่งออกผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงที่ไทยจะต้องเร่งผลักดันการส่งออกให้เพิ่มขึ้น โดยกฎระเบียบและมาตรการที่ยุโรปบังคับใช้นั้น เป็นทั้งโอกาสและความท้าทายของผู้ผลิตและผู้ส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยงไทย ซึ่งผู้ประกอบการไทยสามารถเจาะกลุ่มตลาดพรีเมียม รวมถึงต้องศึกษารสนิยม พฤติกรรมและความต้องการของผู้บริโภค ตลอดจนการเพิ่มช่องทางในการเข้าถึงผู้บริโภคยุคใหม่ ผู้บริโภคกลุ่ม “Pet Humanization” และสร้างความเชื่อมั่นต่อสินค้าอาหารสัตว์เลี้ยงของไทย ทั้งนี้ การพัฒนาผลิตภัณฑ์และช่องทางการตลาดให้ตรงตามความต้องการของผู้บริโภค ซึ่งจะช่วยรักษาส่วนแบ่งตลาดเดิม และเพิ่มโอกาสในการแย่งชิงส่วนแบ่งตลาดใหม่ ๆ จากคู่แข่งท่ามกลางความผันผวนของเศรษฐกิจโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

เผยแพร่เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2567